
วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561
About Me
นางสาวนฤมล พลศรี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะครุศาสตร์I am student in Nakonphanom University. This blog is designed to educate visitors."Having two ears and one tougue we should listen twice as much as we speak."
สัปดาห์ที่ ๑๔
https://drive.google.com/file/d/1R21W4JbL0ny9vme6jZhta8ZPyUngynpZ/view?usp=sharing
https://drive.google.com/file/d/1O4gx4Aw6x9s6rBtBAoRmR33L7C6MvWuS/view?usp=sharing
https://drive.google.com/file/d/1aZUlkzBFKDIeD5QtpeiAJ0aH0vWiyIoa/view?usp=sharing
https://drive.google.com/file/d/1eqYPko0ZSlsD-33CJJrG7fuiSBAJnI3F/view?usp=sharing
https://drive.google.com/file/d/1q7g8u2LWe5GBvxIQzuCGrYjFuYon16Vt/view?usp=sharing
https://drive.google.com/file/d/1n0D-LyjWxMX-UpoMysnc2Yu46WVd9GoH/view?usp=sharing
ภาพประกอบสื่อการสอน ชื่อ Magic Box หรือกล่องมหัศจรรย์
สัปดาห์ที่ ๑๕
คำถามท้ายบทที่ 1
1.เมื่อนักศึกษาได้ศึกษาเรื่อง
เเนวคิดการออกแบบการเรียนการสอนในบทที่ 1 ท่านคิดว่าการออกแบบการเรียนการสอนมีความสำคัญต่อนักเรียน
ครูผู้สอนเเละสถานศึกษาอย่างไร จงอธิบายเเละให้เหตุผลที่สอดคล้องกัน
การออกแบบการเรียนการสอนมีความสำคัญต่อนักเรียน คือ
นักเรียนได้เรียนตามความสนใจ ความถนัด เเละความสามารถของเเต่ละบุคคล
เเละประสบผลสำเร็จในการเรียน
ได้รีบประสบการณ์ทางการเรียนด้วยความสนุกสนานรู้สึกว่าตนมีความสำคัญเพราะได้มีส่วนร่วมในฐานะสมาชิก มีผู้ฟังเรื่องราวของตนเองและได้รับรู้เรื่องราวของคนอื่น นอกจากจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์แล้วยังทำให้สัมพันธภาพในกลุ่มผู้เรียนเป็นไปด้วยดี
การออกแบบการเรียนการสอนมีความสำคัญต่อครูผู้สอน คือ
ได้วางเเผนการเรียนการสอนเเละได้ปรับปรุงพัฒนาการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนเเต่ละบุคคล
ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเเละประสิทธิผลทางการเรียนเเละยกระดับความสามารถของนักเรียนตามความสนใจ
ความถนัด เเละความสามารถของนักเรียน
การออกแบบการเรียนการสอนมีความสำคัญต่อสถานศึกษา คือ
สามารถยกระดับมาตรฐานทางการเรียนของสถานศึกษาเเละสามารถพัฒนาผู้เรียนได้ตรงกับวัตถุประสงค์ของสถานศึกษา
เเละสรา้งความน่าเชื่อถือให้แก่สถานศึกษาในการพัฒนาผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพ
2.ท่านคิดว่าการเรียนการสอนเเบบดั้งเดิมเเละการเรียนการสอนเชิงระบบมีข้อดีเเละข้อเสียอย่างไร
จงอธิบายเเละให้เหตุผลสนับสนุนคำตอบ
การเรียนการสอนเเบบดั้งเดิม
ข้อดี คือ
- มีตัวเลือกในการเรียนเยอะกว่า
-มีโอกาสในการทำงานในมหาวิทยาลัย
-มีสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า
-ได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย
ข้อเสีย
-ค่าใช้จ่ายสูงกว่า
ข้อเสีย
-ค่าใช้จ่ายสูงกว่า
-ข้อกำหนดคุณสมบัติในการเข้าเรียนเยอะและเข้มงวด
-การเรียนการสอนไม่ตอบสนองความสามารถของนักเรียน
-การประเมินไม่มีคุณภาพเเละไม่หลากหลาย
การเรียนการสอนเชิงระบบ
ข้อดี คือ
-มีการประเมินตามความต้องการเเละจำเป็น
หลากหลายเเละตรงวัตถุประสงค์
-มีการกำหนดวัตถุประสงค์ก่อนเรียน
ทำให้ผู้เรียนทราบว่าต้องเรียนรู้อะไร
-มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดี
-นักเรียนได้รับความรู้ตามวัตถุประสงค์
-นักเรียนได้เรียนในรูปแบบที่หลากหลาย
ข้อเสีย คือ
-นักเรียนอาจจะได้รับความกดดันทางการเรียน
-นักเรียนบางกลุ่มอาจจะไม่ได้รับความรู้เท่าที่ควร
-ค่าใช้จ่ายต่างๆมีมาก
3.จงเขียนภาพรวมของเนื้อหาสาระสำคัญของบทที่
1 เรื่อง เเนวคิดการออกแบบการเรียนการสอน
ให้อยู่ในรูปของแผนผังความคิด(Mind Mapping) โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เเละนำเสนอเนื้อหาให้สมบูรณืมากที่สุด
คำถามท้ายบทที่ 2
1.จากเนื้อหาบทที่
2 เรื่อง วิธีการสอนเเละการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
เราจะเห็นได้ว่ามีวิธีการสอนเเละรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญที่หลากหลายท่านคิดว่าวิธีการสอนแบบใดที่มีความน่าสนใจต่อตัวท่านมากที่สุดมา
3 อันดับเเรก เพราะเหตุใด จงอธิบายเเละให้เหตุผล
1. วิธีการสอนแบบแก้ปัญหา
(Problem-Solving Method)
เป็นวิธีที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเองทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมายเเละคงทน
เป็นเเนวคิดของ จอห์น ดิวอี้ โดยอาศัยหลักวิธีการสอนที่ใช้แก้ปัญหาของนักเรียน
โดยครูเป็นผู้ชี้เเนะเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้มีขั้นตอน คือ
1.ขั้นกำหนดปัญหา ผู้สอนและผู้เรียนอาจร่วมกันตั้งปัญหา ปัญหาที่นำมานั้นอาจมาจากแหล่งต่างๆ
1.ขั้นกำหนดปัญหา ผู้สอนและผู้เรียนอาจร่วมกันตั้งปัญหา ปัญหาที่นำมานั้นอาจมาจากแหล่งต่างๆ
2.ขั้นตั้งสมมติฐาน การตั้งสมมติฐานเป็นการคาดคะเนคำตอบของปัญหา
โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ช่วยในการคาดคะเน
3.ขั้นวางแผนแก้ปัญหา
4.ขั้นการเก็บและการรวบรวมข้อมูล ผู้เรียนจะศึกษาค้นคว้าความรู้จากแหล่งต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมาทดสอบสมมติฐาน
5.ขั้นวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน ผู้เรียนก็นำข้อมูลนั้นๆ มาพิจารณาว่าจะน่าเชื่อถือหรือไม่ประการใด เพื่อนำข้อมูลนั้นๆ ไปวิเคราะห์และทดสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้ว่าเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่
6.ขั้นสรุปผล เป็นขั้นที่นำข้อมูลมาพิจารณาแปลความหมายระหว่างสาเหตุกับผลที่เกิดขึ้น
3.ขั้นวางแผนแก้ปัญหา
4.ขั้นการเก็บและการรวบรวมข้อมูล ผู้เรียนจะศึกษาค้นคว้าความรู้จากแหล่งต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมาทดสอบสมมติฐาน
5.ขั้นวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน ผู้เรียนก็นำข้อมูลนั้นๆ มาพิจารณาว่าจะน่าเชื่อถือหรือไม่ประการใด เพื่อนำข้อมูลนั้นๆ ไปวิเคราะห์และทดสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้ว่าเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่
6.ขั้นสรุปผล เป็นขั้นที่นำข้อมูลมาพิจารณาแปลความหมายระหว่างสาเหตุกับผลที่เกิดขึ้น
ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์ ได้แก่
1.การเสนอปัญหาที่น่าสนใจจะทำให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน
2.ผู้เรียนได้ฝึกคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง มีการฝึกทักษะ การสังเกต วิเคราะห์ หาเหตุผลใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ
3.ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการทำงานร่วมกับการทำกิจกรรมกลุ่ม เป็นการฝึกวิถีชีวิตประชาธิปไตย
4.ผู้เรียนได้ฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ทำให้ได้รับประสบการณ์
การเรียนรู้ที่หลากหลาย
5.ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์ตรง เป็นประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต
2.ผู้เรียนได้ฝึกคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง มีการฝึกทักษะ การสังเกต วิเคราะห์ หาเหตุผลใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ
3.ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการทำงานร่วมกับการทำกิจกรรมกลุ่ม เป็นการฝึกวิถีชีวิตประชาธิปไตย
4.ผู้เรียนได้ฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ทำให้ได้รับประสบการณ์
การเรียนรู้ที่หลากหลาย
5.ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์ตรง เป็นประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต
2.การเรียนการสอนแบบCIPPA
เป็นการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เเละให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเองเเละลงมือปฏิบัติจริง เเละมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่เรียนอย่างแท้จริง โดยการให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยอาศัยความร่วมมือจากกลุ่ม โดยการใช้กิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 5 ด้าน ได้แก่
1.Construct หรือ การสร้างความรู้ตามเเนวคิดของConstructivism ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
2.Interaction หรือ การปฏิสัมพันธ์ หมายถึง ผู้เรียนมีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน สื่อ และสิ่งเเวดล้อมรอบตัว
3. Physical Participation หรือการมีส่วนร่วมทางกาย หมายถึง คือการให้ผู้เรียนมีบทบาท มีส่วนร่วมในการเรียนรู้มากที่สุด
4.Process Learning หรือ กระบวนการเรียนรู้ต่างๆ หมายถึง การให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการควบคู่ไปกับผลงาน ข้อความที่สรุปได้
5.Application หรือการประยุกต์ใช้ หมายถึง การให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
กระบวนการเรียนการสอนของแผนการสอนแบบCIPPA
ประกอบด้วยขั้นตอนการดำเนินการ 7 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 การทบทวนความรู้เดิม
เป็นการดึงความรู้เดิมของผู้เรียนในเรื่องที่จะเรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม ของตน ซึ่งผู้สอนอาจใช้วิธีการต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่
เป็นการแสวงหาความรู้ข้อมูลความรู้ใหม่ของผู้เรียนจากแหล่งข้อมูลหรือ แหล่งความรู้ต่าง ๆ ซึ่งครูอาจจัดเตรียมมาให้ผู้เรียนหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนไปแสวงหาก็ได้
ขั้นที่ 3 การศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
เป็นขั้นที่ผู้เรียนจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับข้อมูล/ความรู้ที่หา มาได้ ผู้เรียนจะต้องสร้างความหมายของข้อมูล/ประสบการณ์ใหม่ๆโดยใช้กระบวนการต่าง ๆ ด้วยตนเอง เช่น ใช้กระบวนการคิด และกระบวนการกลุ่มในการอภิปรายและสรุปความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลนั้น ๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการเชื่อมโยงกับความรู้เดิม
ขั้นที่ 4 การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม
เป็นขั้นที่ผู้เรียนอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบความรู้ความ เข้าใจของตน รวมทั้งขยายความรู้ความเข้าใจของตนให้กว้างขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนได้แบ่งปันความรู้ความเข้าใจของตนแก่ผู้อื่น และได้รับประโยชน์จากความรู้ ความเข้าใจของผู้อื่นไปพร้อมกัน
ขั้นที่ 5 การสรุปและจัดระเบียบความรู้
เป็นขั้นของการสรุปความรู้ที่ได้รับทั้งหมด ทั้งความรู้เดิมและความรู้ใหม่ และจัดสิ่งที่เรียนให้เป็นระบบระเบียบเพื่อช่วยให้ผู้เรียนจดจำสิ่งที่ เรียนรู้ได้ง่าย
ขั้นที่ 6 การปฏิบัติ และ/ หรือการแสดงผลงาน
เป็นขั้นที่ช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงผลงานการสร้างความรู้ ของตนให้ผู้อื่นรับรู้ เป็นการช่วยให้ผู้เรียนได้ตอกย้ำหรือตรวจสอบความเข้าใจของตนและส่งเสริมให้ ผู้เรียนใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่หากต้องมีการปฏิบัติตามข้อความรู้ที่ได้ ขั้นนี้จะเป็นขั้นปฏิบัติ และมีการแสดงผลงานที่ได้ปฏิบัติด้วย
ขั้นที่ 7 การประยุกต์ใช้ความรู้
เป็นขั้นของการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการนำความรู้ความเข้าใจไปใช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความชำนาญ
เป็นการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เเละให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเองเเละลงมือปฏิบัติจริง เเละมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่เรียนอย่างแท้จริง โดยการให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยอาศัยความร่วมมือจากกลุ่ม โดยการใช้กิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 5 ด้าน ได้แก่
1.Construct หรือ การสร้างความรู้ตามเเนวคิดของConstructivism ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
2.Interaction หรือ การปฏิสัมพันธ์ หมายถึง ผู้เรียนมีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน สื่อ และสิ่งเเวดล้อมรอบตัว
3. Physical Participation หรือการมีส่วนร่วมทางกาย หมายถึง คือการให้ผู้เรียนมีบทบาท มีส่วนร่วมในการเรียนรู้มากที่สุด
4.Process Learning หรือ กระบวนการเรียนรู้ต่างๆ หมายถึง การให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการควบคู่ไปกับผลงาน ข้อความที่สรุปได้
5.Application หรือการประยุกต์ใช้ หมายถึง การให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
กระบวนการเรียนการสอนของแผนการสอนแบบCIPPA
ประกอบด้วยขั้นตอนการดำเนินการ 7 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 การทบทวนความรู้เดิม
เป็นการดึงความรู้เดิมของผู้เรียนในเรื่องที่จะเรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม ของตน ซึ่งผู้สอนอาจใช้วิธีการต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่
เป็นการแสวงหาความรู้ข้อมูลความรู้ใหม่ของผู้เรียนจากแหล่งข้อมูลหรือ แหล่งความรู้ต่าง ๆ ซึ่งครูอาจจัดเตรียมมาให้ผู้เรียนหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนไปแสวงหาก็ได้
ขั้นที่ 3 การศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
เป็นขั้นที่ผู้เรียนจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับข้อมูล/ความรู้ที่หา มาได้ ผู้เรียนจะต้องสร้างความหมายของข้อมูล/ประสบการณ์ใหม่ๆโดยใช้กระบวนการต่าง ๆ ด้วยตนเอง เช่น ใช้กระบวนการคิด และกระบวนการกลุ่มในการอภิปรายและสรุปความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลนั้น ๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการเชื่อมโยงกับความรู้เดิม
ขั้นที่ 4 การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม
เป็นขั้นที่ผู้เรียนอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบความรู้ความ เข้าใจของตน รวมทั้งขยายความรู้ความเข้าใจของตนให้กว้างขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนได้แบ่งปันความรู้ความเข้าใจของตนแก่ผู้อื่น และได้รับประโยชน์จากความรู้ ความเข้าใจของผู้อื่นไปพร้อมกัน
ขั้นที่ 5 การสรุปและจัดระเบียบความรู้
เป็นขั้นของการสรุปความรู้ที่ได้รับทั้งหมด ทั้งความรู้เดิมและความรู้ใหม่ และจัดสิ่งที่เรียนให้เป็นระบบระเบียบเพื่อช่วยให้ผู้เรียนจดจำสิ่งที่ เรียนรู้ได้ง่าย
ขั้นที่ 6 การปฏิบัติ และ/ หรือการแสดงผลงาน
เป็นขั้นที่ช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงผลงานการสร้างความรู้ ของตนให้ผู้อื่นรับรู้ เป็นการช่วยให้ผู้เรียนได้ตอกย้ำหรือตรวจสอบความเข้าใจของตนและส่งเสริมให้ ผู้เรียนใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่หากต้องมีการปฏิบัติตามข้อความรู้ที่ได้ ขั้นนี้จะเป็นขั้นปฏิบัติ และมีการแสดงผลงานที่ได้ปฏิบัติด้วย
ขั้นที่ 7 การประยุกต์ใช้ความรู้
เป็นขั้นของการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการนำความรู้ความเข้าใจไปใช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความชำนาญ
3.วิธีการสอนเเบบศูนย์การเรียน(Learning
Center)
เป็นวิธีการสอนที่ทำให้ผู้เรียนได้เกิดการเเลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน โดยเเบ่งบทเรียนออกเป็น4-6 กลุ่ม เเต่ละศูนย์ประกอบกิจกรรมเเตกต่างกันออกไปตามที่กำหนดไว้ในชุดการสอน เเต่ละกลุ่มจะมีสื่อการเรียนที่จัดไว้ในกล่องวางบนโต๊ะ โดยเเต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันประกอบกิจกรรมตามศูนย์ต่างๆ เเห่งละ 15-20 นาที จนครบทุกศูนย์
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้เเบบศูนย์การเรียน
1.ขั้นเตรียมการ
ก่อนจะทำการสอนทุกครั้งผู้สอนจะต้องศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ในคู่มือการสอน เริ่มตั้งแต่
จุดประสงค์การเรียนรู้ การนำเข้าสู่บทเรียน การแบ่งกลุ่มผู้เรียน ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละศูนย์ /กลุ่ม / ฐานการเรียนรู้ เนื้อหาวิชาที่จะสอน วิธีการใช้สื่อต่าง ๆ ประกอบการสอน
วิธีการวัดประเมินผล จนถึงการสรุปบทเรียน เตรียมวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างเเละเตรียมสถานที่
2.ขั้นสอน
สร้างกติกาการเรียนรู้ร่วมกัน ผู้สอนชี้แจงกระบวนการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียนและสร้างกติกาหรือ
ข้อตกลงร่วมกัน เช่น การรักษาเวลาในการเรียนรู้แต่ละศูนย์ การทำงานเป็นทีม ความรับผิดชอบ
ในการทำกิจกรรม เป็นต้น
3.ขั้นสรุปบทเรียน
หลังจากที่ผู้เรียนหมุนเวียนกันทำกิจกรรมครบศูนย์ / กลุ่ม / ฐานการเรียนรู้แล้ว ผู้สอนตั้งคำถามให้ผู้เรียนสะท้อนความรู้สึกและบทเรียนที่ได้รับ ผู้สอนทำหน้าที่สรุปบทเรียนทั้งหมดร่วมกับผู้เรียน
4.ขั้นประเมินผล
เมื่อสรุปบทเรียนแล้วให้ผู้เรียนทำการทดสอบหลังเรียน พร้อมทั้งแจ้งผลการทดสอบให้ทุกคน
ทราบพัฒนาการของตนเองเมื่อเปรียบเทียบกับผลการทดสอบก่อนเรียน
เป็นวิธีการสอนที่ทำให้ผู้เรียนได้เกิดการเเลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน โดยเเบ่งบทเรียนออกเป็น4-6 กลุ่ม เเต่ละศูนย์ประกอบกิจกรรมเเตกต่างกันออกไปตามที่กำหนดไว้ในชุดการสอน เเต่ละกลุ่มจะมีสื่อการเรียนที่จัดไว้ในกล่องวางบนโต๊ะ โดยเเต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันประกอบกิจกรรมตามศูนย์ต่างๆ เเห่งละ 15-20 นาที จนครบทุกศูนย์
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้เเบบศูนย์การเรียน
1.ขั้นเตรียมการ
ก่อนจะทำการสอนทุกครั้งผู้สอนจะต้องศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ในคู่มือการสอน เริ่มตั้งแต่
จุดประสงค์การเรียนรู้ การนำเข้าสู่บทเรียน การแบ่งกลุ่มผู้เรียน ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละศูนย์ /กลุ่ม / ฐานการเรียนรู้ เนื้อหาวิชาที่จะสอน วิธีการใช้สื่อต่าง ๆ ประกอบการสอน
วิธีการวัดประเมินผล จนถึงการสรุปบทเรียน เตรียมวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างเเละเตรียมสถานที่
2.ขั้นสอน
สร้างกติกาการเรียนรู้ร่วมกัน ผู้สอนชี้แจงกระบวนการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียนและสร้างกติกาหรือ
ข้อตกลงร่วมกัน เช่น การรักษาเวลาในการเรียนรู้แต่ละศูนย์ การทำงานเป็นทีม ความรับผิดชอบ
ในการทำกิจกรรม เป็นต้น
3.ขั้นสรุปบทเรียน
หลังจากที่ผู้เรียนหมุนเวียนกันทำกิจกรรมครบศูนย์ / กลุ่ม / ฐานการเรียนรู้แล้ว ผู้สอนตั้งคำถามให้ผู้เรียนสะท้อนความรู้สึกและบทเรียนที่ได้รับ ผู้สอนทำหน้าที่สรุปบทเรียนทั้งหมดร่วมกับผู้เรียน
4.ขั้นประเมินผล
เมื่อสรุปบทเรียนแล้วให้ผู้เรียนทำการทดสอบหลังเรียน พร้อมทั้งแจ้งผลการทดสอบให้ทุกคน
ทราบพัฒนาการของตนเองเมื่อเปรียบเทียบกับผลการทดสอบก่อนเรียน
2.ท่านคิดว่า
วิธีการสอนเเละการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
มีความสำคัญเเละประโยชน์ต่อนักเรียน ครูผู้สอนเเละสถานศึกษาของไทยอย่างไร
จงอธิบายเเละให้เหตุผลทีี่สอดคล้องกัน
วิธีการสอนเเละการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
มีความสำคัญเเละประโยชน์ต่อนักเรียน คือ
-ผู้เรียนได้เรียนรู้จากกิจกรรมเเละรุปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลายน่าสนใจ
-ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง
-ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง
-ผู้เรียนเกิดทักษะอื่นๆ
เช่น ทักษะการทำงาน ทักษะสังคม ทักษะการแก้ปัญหา
-ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามความสามารถ
ความสนใจเเละตามศักยภาพ
วิธีการสอนเเละการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
มีความสำคัญเเละประโยชน์ต่อครูผู้สอน คือ
-มีรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลายทำให้สามารถจัดการเรียนการสอนที่ไม่น่าเบื่อ
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
-ปรับปรุงการเรียนการสอนได้อย่างรวดเร็ว
-สามารถยกระดับความสามารถของผู้เรียนได้อย่างเเท้จริง
วิธีการสอนเเละการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
มีความสำคัญเเละประโยชน์ต่อสถานศึกษา คือ
-ทำให้สถานศึกษามีมาตรฐานเเละผลสัมฤทธิ์ที่ดี
-มีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของสถานศึกษาที่ชัดเจน
-การบริหารงานหรือการขับเคลื่อนสถานศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
-ตอบสนองความต้องการของหลักสูตรได้อย่างถูกต้อง
3.จงเขียนภาพรวมของเนื้อหาสาระสำคัญของบทที่
2 เรื่องวิธีการสอนเเละการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ให้อยู่ในรูปของแผนผังความคิด(Mind Mapping) โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เเละนำเสนอเนื้อหาให้สมบูรณ์มากที่สุด
คำถามท้ายบทที่ 3
1.จากเนื้อหาบทที่
3 เรื่อง รูปแบบการเรียนการสอน
เราจะเห็นได้ว่ามีรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลาย
ท่านคิดว่ารุปแบบการเรียนการสอนแบบใดที่มีความน่าสนใจในการพัฒนาการเรียนการสอนมากที่สุดมา
3 อันดับเเรก เเละเพราะเหตุใด
จงอธิบายเเละให้เหตุผลสนับสนุนคำตอบ
1.รูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้บทบาทสมมติ
(Role Playing Model)
พัฒนาขึ้นโดย แชฟเทลและแชฟเทล (Shaftel and Shaftel, 1967: 67-71) ซึ่งให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล เขากล่าวว่า บุคคลสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับตนเองได้จากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และความรู้สึกนึกคิดของบุคคลก็เป็นผลมาจากมีการปะทะสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และได้สั่งสมไว้ภายในลึก ๆ โดยที่บุคคลอาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้ การสวมบทบาทสมมติเป็นวิธีการที่ช่วยให้บุคคลได้แสดงความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ที่อยู่ภายในออกมา ทำให้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เปิดเผยออกมา และนำมาศึกษาทำความเข้าใจกันได้ ช่วยให้บุคคลเกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง เกิดความเข้าใจในตนเอง ในขณะเดียวกัน การที่บุคคลสวมบทบาทของผู้อื่น ก็สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในความคิด ค่านิยม และพฤติกรรมของผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน
พัฒนาขึ้นโดย แชฟเทลและแชฟเทล (Shaftel and Shaftel, 1967: 67-71) ซึ่งให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล เขากล่าวว่า บุคคลสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับตนเองได้จากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และความรู้สึกนึกคิดของบุคคลก็เป็นผลมาจากมีการปะทะสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และได้สั่งสมไว้ภายในลึก ๆ โดยที่บุคคลอาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้ การสวมบทบาทสมมติเป็นวิธีการที่ช่วยให้บุคคลได้แสดงความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ที่อยู่ภายในออกมา ทำให้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เปิดเผยออกมา และนำมาศึกษาทำความเข้าใจกันได้ ช่วยให้บุคคลเกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง เกิดความเข้าใจในตนเอง ในขณะเดียวกัน การที่บุคคลสวมบทบาทของผู้อื่น ก็สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในความคิด ค่านิยม และพฤติกรรมของผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน
2. รูปแบบการเรียนการสอนโดยตรง
(Direct Instruction Model)
จอยส์ และวีล (Joyce and Weil, 1996: 334) อ้างว่า มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ชี้ให้เห็นว่า การสอนโดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ที่ลึกซึ้ง ช่วยให้ผู้เรียนรู้สึกว่ามีบทบาทในการเรียน ทำให้ผู้เรียนมีความตั้งใจในการเรียนรู้และช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียน นอกจากนั้นยังพบว่า บรรยากาศการเรียนที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้เรียน สามารถสกัดกั้นความสำเร็จของผู้เรียนได้ ดังนั้น ผู้เรียนจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง ไม่ทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกในทางลบ เช่น การดุด่าว่ากล่าว การแสดงความไม่พอใจ หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้เรียน
จอยส์ และวีล (Joyce and Weil, 1996: 334) อ้างว่า มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ชี้ให้เห็นว่า การสอนโดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ที่ลึกซึ้ง ช่วยให้ผู้เรียนรู้สึกว่ามีบทบาทในการเรียน ทำให้ผู้เรียนมีความตั้งใจในการเรียนรู้และช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียน นอกจากนั้นยังพบว่า บรรยากาศการเรียนที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้เรียน สามารถสกัดกั้นความสำเร็จของผู้เรียนได้ ดังนั้น ผู้เรียนจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง ไม่ทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกในทางลบ เช่น การดุด่าว่ากล่าว การแสดงความไม่พอใจ หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้เรียน
3.การจัดการเรียนรู้แบบ
STAD
เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งกำหนดให้นักเรียนที่มีความสามารถแตกต่างกัน ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มๆ ละ 4-5 คน ซึ่งประกอบด้วย นักเรียนที่เรียนเก่ง 1 คน นักเรียนที่เรียนปานกลาง 2-3 คน และนักเรียนที่เรียนอ่อน 1 คน
เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งกำหนดให้นักเรียนที่มีความสามารถแตกต่างกัน ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มๆ ละ 4-5 คน ซึ่งประกอบด้วย นักเรียนที่เรียนเก่ง 1 คน นักเรียนที่เรียนปานกลาง 2-3 คน และนักเรียนที่เรียนอ่อน 1 คน
2.จงหาตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้
จำนวน 1 แผ่น ที่ได้นำเเนวทางการจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบการสอนเแบบต่างๆที่ปรากฏในเนื้อหาบทที่
3 โดยค้นหาเเละดาวน์โหลดจากงานวิจัยตามฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ออนไลน์(Thailis)หรือเเหล่งสืบค้นวิทยานิพนธ์ตามเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยภายในประเทศ เช่น
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นต้น เเล้วออกมานำเสนอหน้าขั้นเรียน
3.จงเขียนภาพรวมของเนื้อหาสาระสำคัญของบทที่
3 เรื่อง รูปแบบการเรียนการสอน
ให้อยู่ในรูปของแผนผังความคิด(Mind Mapping) โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เเละนำเสนอเนื้อหาให้สมบูรณืมากที่สุด
คำถามท้ายบทที่ 4
1.ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอน
ท่านคิดว่ากลยุทธ์การเรียนการสอนมีประโยชน์ต่อตัวท่านเเละผู้เรียนอย่างไร
จงอธิบายเเละให้เหตุผลสนับสนุน
กลยุทธ์การเรียนการสอนมีประโยชน์ต่อครูผู้สอน คือ
สามารถนำไปใช้ในการนำเสนอเนื้อหาวิชาให้กับผู้เรียนเเละเกิดประสิทธิภาพต่อผู้เรียน
ทำให้การเรียนการสอนมีความน่าสนใจมากขึ้นเเละการเรียนการสอนประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว
กลยุทธ์การเรียนการสอนมีประโยชน์ต่อผู้เรียน คือ
ทำให้ผู้เรียนได้รับการเรียนรู้ที่รวดเร็ว
เข้าใจง่ายเเละเกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน
2.จงเขียนภาพรวมของเนื้อหาสาระสำคัญของบทที่
4 เรื่อง กลยุทธ์การเรียนการสอน
ให้อยู่ในรูปของแผนผังความคิด(Mind Mapping) โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เเละนำเสนอเนื้อหาให้สมบูรณืมากที่สุด
คำถามท้ายบทที่ 5
1.ตามความเข้าใจของท่าน
การจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีความหมายว่าอย่างไรเเละเหตุใดการปฏิรูปการศึกษาจึงให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนรู้ดังกล่าว
การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หมายถึง
การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้เรียนรู้
โดยพยายามจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สื่อ
และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
และนักเรียนมีโอกาสนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อื่น
การปฏิรูปการศึกษาจึงให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษาจึงให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนรู้เพราะเป็นรูปแบบการจัดการเรยีนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนสรา้งความรู้ด้วยตนเองซึ่งจะทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างเเท้จริงเเละเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย
2.จากตัวอย่างของวิธีการสอนตามเส้นทางดำเนินเรื่องในหน้า
230 เเละ 231 ในหัวข้อเรื่องป่าไม้
ท่านคิดว่า ผู้เรียนจะได้พัฒนาตนเองในด้านใดบ้าง
ที่สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จงอธิบายเเละให้เหตุผล
วิธีการสอนตามเส้นทางดำเนินเรื่องในหน้า 230 เเละ 231 ในหัวข้อเรื่องป่าไม้
ผู้เรียนจะได้พัฒนาตนเอง ดังนี้
1.เทคนิคการสร้างความรู้ด้วยตัวเอง
ในการเรียนตามทฤษฎี Constructionism ผู้เรียนจะมีบทบาทเป็นผู้ปฎิบัติและสร้างความรู้ไปพร้อมๆกันด้วยตัวของเขาเอง(ทำไปและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน)
ซึ่งผู้เรียนจะได้เรียนรู้เเละพัฒนาความคิดด้วยตนเองทำให้เกิดการเรียนรู้ที่คงทน
2.เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับคนอื่น
ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกัน
เป็นการจัดการเรียนการสอนที่แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละ 4-5 คน โดย สมาชิกในกลุ่มมีระดับความสามารถแตกต่างกัน
สมาชิกทุกคนมีบทบาทหน้าที่ร่วมกันในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย
มีเป้าหมายและมีโอกาสได้รับรางวัลของความสำเร็จร่วมกัน
วิธีการแบบนี้ผู้เรียนจะมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในเชิงบวก มาปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้ากัน
ได้มีโอกาสรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายจากกลุ่ม
ได้พัฒนาทักษะทางสังคมและได้ใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานเพื่อสร้างความรู้ให้กับตนเอง
3. เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ผู้สอนสามารถจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนประยุกต์ใช้ความรู้ได้โดยสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนต้องแก้ปัญหาและนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้
หรือให้ผู้เรียนแสดงความรู้นั้นออกมาในลักษณะต่างๆ
3.จงเขียนภาพรวมของเนื้อหาสาระสำคัญของบทที่
5 เรื่อง การจัดการเรียนรู้ตามเเนวทางการปฏิรูปการศึกษา
ให้อยู่ในรูปของแผนผังความคิด(Mind Mapping) โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เเละนำเสนอเนื้อหาให้สมบูรณ์มากที่สุด
คำถามท้ายบทที่ 6
1.สื่อการเรียนการสอนคืออะไร
มีประโยชน์อย่างไร ท่านเคยมีความประทับใจจากการที่ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ในรายวิชาที่มีการใช้สื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพหรือไม่
เเละผู้สอนใช้สื่อการเรียนการสอนนั้นอย่างไร จงอธิบาย
สื่อการเรียนการสอน หมายถึง
สิ่งต่างๆ ที่เป็นบุคคล วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเทคนิควิธีการ
ซึ่งเป็นตัวกลางทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ได้อย่างง่ายและรวดเร็วเป็นเครื่องมือและตัวกลางซึ่งมีความสำคัญในกระบวนการเรียนการสอนมีหน้าที่เป็นตัวนำความต้องการของครูไปสู่ตัวนักเรียนอย่างถูกต้องและรวดเร็วเป็นผลให้นักเรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามจุดมุ่งหมายการเรียนการสอนได้
ประโยชน์ของสื่อการเรียนการสอน มีดังนี้
1. ช่วยให้นักเรียนรับรู้ แจ่มแจ้งชัดเจนขึ้น
2. ช่วยให้นักเรียนสนใจในบทเรียนมากขึ้นเพราะสื่อการเรียนการสอนจะเร้าความสนใจ ทำให้ผู้เรียนกระตือรือร้นในเรื่องที่เรียน และมีส่วนร่วมในการเรียน
3. ช่วยประหยัดเวลาเรียน โดยใช้เวลาน้อย แต่นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น
3. ลดการบรรยายของผู้สอน แต่ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น
4. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความประทับใจ และจดจำได้นาน
5. ช่วยให้การเรียนมีประสิทธิภาพขึ้น
6. ส่งเสริมการคิดและแก้ปัญหาในการเรียนรู้
7. ทำให้นักเรียนเกิดการอยากรู้อยากเห็น เพราะเป็นการให้ข้อเท็จจริง
8. ช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาความคิด
9. สะดวกในการสอนของครู
10. สามารถสัมผัสและรับรู้ได้โดยง่ายอย่างถูกต้องเหมาะสม
1. ช่วยให้นักเรียนรับรู้ แจ่มแจ้งชัดเจนขึ้น
2. ช่วยให้นักเรียนสนใจในบทเรียนมากขึ้นเพราะสื่อการเรียนการสอนจะเร้าความสนใจ ทำให้ผู้เรียนกระตือรือร้นในเรื่องที่เรียน และมีส่วนร่วมในการเรียน
3. ช่วยประหยัดเวลาเรียน โดยใช้เวลาน้อย แต่นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น
3. ลดการบรรยายของผู้สอน แต่ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น
4. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความประทับใจ และจดจำได้นาน
5. ช่วยให้การเรียนมีประสิทธิภาพขึ้น
6. ส่งเสริมการคิดและแก้ปัญหาในการเรียนรู้
7. ทำให้นักเรียนเกิดการอยากรู้อยากเห็น เพราะเป็นการให้ข้อเท็จจริง
8. ช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาความคิด
9. สะดวกในการสอนของครู
10. สามารถสัมผัสและรับรู้ได้โดยง่ายอย่างถูกต้องเหมาะสม
เคยมีความประทับใจเกี่ยวกับการใช้สื่อในการประกอบการเรียนการสอน
โดยครูใช้สื่อจากสถานที่จริง ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้จากของจริง
จึงมีความน่าสนใจ
2.หากท่านมีโอกาสจัดการเรียนการสอนเรื่อง
“อาหารพื้นเมืองอีสาน” ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
5 ท่านจะเลือกใช้สื่อการเรียนกาารสอนอะไรบ้าง เพราะเหตุใด
จงอธิบาย
1.การศึกษานอกสถานที่
ซึ่งจะให้นักเรียนออกไปศึกษาอาหารพื้นเมืองของอีสานในเเต่ละหมู่บ้านร่วมกันเเล้วนำความรู้มาสรุปร่วมกัน
2.ของจริงเเละตัวอย่าง
จะนำอาหารพื้นเมืองอีสานมาให้นักเรียนเรียนรู้เเละลงมือปฏิบัติการทำอาหารพื้นเมืองอีสาน
3.จงเขียนภาพรวมของเนื้อหาสาระสำคัญของบทที่
6 เรื่อง การเลือกและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
ให้อยู่ในรูปของแผนผังความคิด(Mind Mapping) โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เเละนำเสนอเนื้อหาให้สมบูรณ์มากที่สุด
คำถามท้ายบทที่ 7
1.จากการศึกษาข้อมูลในบทที่
7 ท่านคิดว่าการวางเเผนการเขียนแผนการสอนเเละแผนการจัดการเรียนรู้นั้นมีความยาก/ความง่ายเพียงใดเเละขั้นตอนการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้
สำหรับตัวท่านเเล้ว ขั้นตอนใดมีความยาก/ง่ายที่สุดในการพัฒนา 3 อันดับเเรก เพราะเหตุใด จงอธิบาย
การวางเเผนการเขียนแผนการสอนเเละแผนการจัดการเรียนรู้นั้นมีความยาก/ความง่ายเเตกต่างกันไปแล้วเเต่ละรายวิชา
ซึ่งจะยากในการวางเเผนการเขียนแผนการสอนเเละแผนการจัดการเรียนรู้ในสอกคล้องกับวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ
ซึ่งขั้นตอนที่มีความยาก/ง่าย มีดังนี้
1. ศึกษาวิเคราะห์หลักสูตร
ได้แก่ หลักการ จุดหมาย โครงสร้าง เวลาเรียนแนว
ดำเนินการในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ตอบสนองจุดประสงค์การเรียนรู้ และจุดมุ่งหมายของหลักสูตร การวัดและการประเมินการเรียน คำอธิบายในแต่ละกลุ่มประสบการณ์ ซึ่งระบุเนื้อหาที่ต้องให้นักเรียนได้เรียน ตามลำดับขั้นตอนกระบวนการที่ต้องให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ และจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดการเรียนรู้ เพราะถ้าเราวิเคราะห์หลักสูตรผิดจะส่งผลต่อการวางเเผนการเขียนแผนการสอนเเละแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด
ดำเนินการในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ตอบสนองจุดประสงค์การเรียนรู้ และจุดมุ่งหมายของหลักสูตร การวัดและการประเมินการเรียน คำอธิบายในแต่ละกลุ่มประสบการณ์ ซึ่งระบุเนื้อหาที่ต้องให้นักเรียนได้เรียน ตามลำดับขั้นตอนกระบวนการที่ต้องให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ และจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดการเรียนรู้ เพราะถ้าเราวิเคราะห์หลักสูตรผิดจะส่งผลต่อการวางเเผนการเขียนแผนการสอนเเละแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด
2. ลำดับความคิดรวบยอดที่จัดให้นักเรียนแต่ละระดับชั้นได้เรียนรู้ก่อนหลัง
โดยพิจารณาขอบข่ายเนื้อหา และกิจกรรมที่กำหนดไว้ในคำอธิบายรายวิชา
เพราะเ็นความคิดที่ผู้เรียนจะต้องได้รับเมื่อเรียนจบ
3. กำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนตามลำดับขั้นตอนที่กำหนดไว้ในคำอธิบายรายวิชา
หรืออาจพิจารณาจากกิจกรรมที่เหมาสมกับเนื้อหาสาระ เป็นขั้นที่ผู้เรียนจะได้เรียนรู้จึงต้องมีการวางเเผนที่ดีเเละรัดกุม
2.ในประโยคที่ว่า
“ในปัจจุบัน
การวัดผลไม่ใช่เพียงเเค่การทดสอบหรือสอบเพียงอย่างเดียวเเต่ยังต้องประเมินสภาพเเท้จริงของผู้เรียน”
สำหรับท่านประโยคนี้มีความหมายว่าอย่างไรเเละมีวิธีการปฏิบัติจริงได้อย่างไร
การวัดและประเมินตามสภาพจริง คือ
กระบวนการวัดผลการเรียนรู้ตามแนวทาง 3 ประการ คือ
1. วัดครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ได้จริง
-วัดความสามารถทางความรู้ ความคิดได้จริง
-วัดความสามารถในการปฏิบัติได้จริง
-วัดคุณลักษณะทางจิตใจได้จริง
1. วัดครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ได้จริง
-วัดความสามารถทางความรู้ ความคิดได้จริง
-วัดความสามารถในการปฏิบัติได้จริง
-วัดคุณลักษณะทางจิตใจได้จริง
2. วัดได้ตรงความเป็นจริง
คือ สิ่งที่วัดได้นั้นเป็นข้อมูล
เป็นการแสดงพฤติกรรมที่สะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน ทั้งความสามารถทางความรู้ ความคิด ความสามารถในการปฏิบัติและคุณลักษณะทางจิตใจ มีความคลาดเคลื่อนผิดพลาดน้อยที่สุด ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ด้อยความสามารถได้คะแนนสูง
ตัดความผิดพลาดที่ผู้มีความสามารถสูงกลับได้คะแนนน้อย
สามารถประเมินสภาพเเท้จริงของผู้เรียนโดยการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนจารการเรียนโดยไม่มีการบิดเบือนข้อมูล
วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2561
สัปดาห์ที่ ๑๒
บทที่ ๖
การเลือกและการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
คำว่า
สื่อ (Medium) ในที่นี้ความหมายกว้างมาก
การเรียนการสอนในบางครั้งอาจเกิดขึ้นจากเสียงของผู้สอน ตำรา เทป วีดิทัศน์ ภาพยนตร์
และคอมพิวเตอร์ Medium หรือ Media มาจากภาษาละตินหมายถึง
บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงกลาง
หรือเครื่องมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวิธีการของการสื่อสารที่ส่งไปถึงประชาชน
เป็นพาหนะของการโฆษณา ดังนั้น เมื่อพิจารณาในด้านของการสื่อสารแล้ว สื่อจึงหมายถึง
สิ่งที่เป็นพาหนะนำความรู้หรือสารสนเทศจากแหล่งกำเนิดไปสู่ผู้รับ เช่น วิทยุ
โทรทัศน์ ภาพยนตร์ รูปภาพ วัสดุฉาย สิ่งพิมพ์และสิ่งดังกล่าวนี้
เมื่อนำมาใช้กับการเรียนการสอน เราเรียกว่าสื่อการเรียนการสอน
มีอยู่บ่อยครั้งที่ผู้ออกแบบจำกัดการเลือกสื่อของตนเอง
เพราะว่าได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว (เช่น การพิจารณานโยบายงบประมาณ) สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานการณ์ในอุดมคติเท่านั้น
การเลือกสื่อควรจะมีการกระทำหลังการที่ได้มีการวิเคราะห์เนื้อหาวิชาแล้วในสถานการณ์เช่นนี้
ผู้ออกแบบสามารถที่จะเลือกสื่อที่เหมาะสม เพื่อการสื่อสารเหตุการณ์ต่างๆ
ในการเรียนการสอน
กลยุทธ์การสอนและการตัดสินใจเลือกสื่อ
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างกัน และควรจะทำไปพร้อมกันหลังจากที่ได้มีการพัฒนาจุดประสงค์ของการเรียนการสอนแล้ว
แบบจำลองในการเลือกสื่อมีทั้งแบบที่มีความเรียบง่ายและแบบที่มีความซับซ้อน
โรเบิร์ต เมเจอร์ ผู้ซึ่งเป็นนักออกแบบการสอน เพื่อการค้าที่ประสบผลสำเร็จ ได้กล่าวว่า
กระดาษเป็นตัวกลางอย่างหนึ่งในการเลือก นอกจากว่าในกรณีที่ดีที่จะสามารถเลือกใช้สิ่งที่ทำจากอย่างอื่น
วัสดุที่เป็นกระดาษมีราคาแพงในการออกแบบและการผลิต ง่ายที่จะผลิตเพิ่มใช้ง่าย และนักเขียนส่วนใหญ่มีความเข้าใจ
สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างของสิ่งจำลองง่ายๆ สำหรับการเลือกสื่อ
ส่วนแบบจำลองที่ซับซ้อนเป็นวิธีการที่ส่วนใหญ่ควรจะหลีกเลี่ยงเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อเปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์ของทหาร ก็คือ อย่าโง่เลย ทำให้ดูง่ายๆเถอะ
การนำเสนอสื่อการเรียนการสอน
คสรเป็นการกระตุ้นทางการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ง่ายแก่การเข้าใจ
สื่อที่ซับซ้อนมีแนวโน้มของการสิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่ายสูง
และบ่อยครั้งพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพและเชื่อถือไม่ได้ ควรใช้สื่อการเรียนการสอนที่ถูกที่สุดที่ทำให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ตามเจตนารมณ์ภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตามข้อควรจำคือ การสื่อราคที่ย่อมเยาที่ผลิตไม่ดีทำให้การเรียนการสอนไม่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการใช้สื่อ
การเลือกและการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
เป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งในกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ
นักออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกวิธีการ/สื่อ
หรือเลือกวิธีการ เลือกวัสดุอุปกรณ์
กระบวนการผลิตสื่อ
นักออกแบบอาจะจะทำเพียงการวางแผนมโนทัศน์ สคริปและนานๆครั้งจะผลิตวัสดุสำหรับจำหน่ายความจำกัดสำหรับบทบาทของผู้ออกแบบในการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธี/สื่อ
จะหลากหลายไปตามสถานการณ์
และแม้ว่าจะมีวิธีการหลากหลายในการจำแนกสื่อออกเป็นประเภท
ก็ยังไม่มีอนุกรมภิธานสื่อ ที่พัฒนาขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ
ในบทนี้จะเป็นการนำเสนอสื่อ ๓ ประเภท คือ วิธีการ สื่อดั้งเดิม
เทคโนโลยีใหม่ภายในแต่ละประเภทจะมีทางเลือกและรูปแบบมาก เช่น กราฟฟิก และฟิล์ม
หรือโทรทัศน์เฉพาะกราฟิกก็มีหลายรูปแบบได้แก่ แผนภูมิ การ์ตูน และภาพประกอบ
การเลือกวิธี/สื่อ
อยู่บนพื้นฐานของเกณฑ์จะมีความเหมาะสมสำหรับผู้เรียน
สิ่งที่เรียนและข้อจำกัดคุณลักษณะของผู้เรียน จุดประสงค์ สถานการณ์การเรียนรู้
และข้อจำกัดนั้นต้องระบุขึ้นก่อนที่จะเลือกวิธีการและสื่อ
ผู้ออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้ตัดสินสื่อทีม
ในการผลิตควรจะประกอบไปด้วยใครบ้าง ผู้ออกแบบต้องริเริ่ม
เฝ้าระวังติดตามกระบวนการผลิต เป็นความรับผิดชอบของผู้ออกแบบที่จะต้องมีความแน่ใจในบูรณาภาพของการออกแบบและคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ด้วยการเฝ้าระวังติดตามการผลิต
๑.
บทบาทของผู้ออกแบบ
ผู้ออกแบบมีหน้าที่หลายอย่างที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์ในระหว่างนั้นขั้นตอนการตัดสินใจในระยะนี้ผู้ออกแบบมีหน้าที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือกวิธีการ/สื่อเช่นเดียวกับตำรวจ
ที่มองเห็นว่าคำแนะนำในการออกแบบการเรียนการสอนนำไปใช้ได้หรือเป็นเสมือนผู้จัดการ
ผู้ซึ่งริเริ่มและประเมินผลผลิตในบทนี้จะเกี่ยวกับบทบาทของผู้ออกแบบที่มองเห็น การเลือกวิธีการ/สื่อที่มประโยชน์
เราจะเลือกสื่ออย่างไร จะรับวัสดุอุปกรณ์ทางการค้าอย่างไร และจะระวังเฝ้าติดตามกระบวนการผลิตอย่างไร
ผู้ออกแบบต้องจำกัดบทบาทในการทำหน้าที่
ต้องสามารถปฏิบัติได้แล้วเสร็จและมีประสิทธิภาพ
ตั้งรับรู้การกระทำหน้าที่ในการผลิตสื่อ ผู้ถ่ายภาพ
หรือผู้วางโปรแกรมที่พยายามให้ผู้อื่นเข้าใจได้ โดยลำพังตนเองนั้นไม่สามารถที่จะผลิตสื่อได้ทั้งหมดหรืออาจต้องการคำแนะนำเพิ่มจากผู้ร่วมงานในทีมมากกว่าที่จะทำคนเดียว
ความรับผิดชอบที่จะเป็นคือ การตัดสินใจเลือกวิธีการ/สื่อในขณะที่สมาชิกของทีมหรือผู้นำทีมริเริ่มหรือแนะนำกระบวนการผลิต
ผู้ออกแบบจะทำสิ่งนี้ได้ดีถ้ารู้จักทำหน้าที่ในลักษณะของผู้วิจัย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า
รับรู้หน้าที่ในการให้คำแนะนำและจำกัดทักษะตัวอย่าง เช่น
มีการพัฒนาทักษะกระบวนการกลุ่มมากขึ้น และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
๒.
ประเภทของสื่อ
ผู้ออกแบบสามารถที่จะเลือกชนิดของสื่อให้มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งลิทธิพลต่อประสิทธิผลของการเรียนรู้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ถ้าผู้ออกแบบรับรู้ชนิดของสื่อที่มีอยู่ รวมทั้งข้อดีและข้อเสียด้วย ดังนั้น
ผู้ออกแบบจะเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะเป็นผู้ที่รู้จักเลือกชนิดของสื่อได้อย่างเหมาะสม
เราสามารถจำแนกสื่อได้ ๔ ประเภท คือ สื่อทางหู ทางตา ทางหูและตารวมกัน และสัมผัส
ผู้ออกแบบสามารถเลือกสื่อที่เหมาะสมที่สุดจากประเภทของสื่อต่างๆ
สำหรับภาระงานการเรียนการสอนที่มีความเฉพาะเจาะจง สื่อทั้ง ๔
ประเภทปละตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
๑.
สื่อทางหู
ได้แก่ เสียงของผู้ฝึก ห้องปฏิบัติการทางเสียง การเตรียมเทปสำหรับผู้ฝึกเทป
แผ่นเสียง วิทยุกระจายเสียง
๒.
สื่อทางตา
ได้แก่ กระดานชอล์ก กระดานแม่เหล็ก กราฟ คอมพิวเตอร์ วัตถุต่างๆที่เป็นของจริง
รูปภาพ แผนภูมิ กราฟภาพถ่าย หุ่นจำลอง หนังสือ หนังสือพิมพ์ สไลด์ แผ่นใส่
๓.
สื่อทางหูและ
ทางตา ได้แก่ เทปวีดิโอ ทีวีวงจรปิด โปรแกรมโสตทัศนวัสดุ สไลด์
เทปภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม ทีวีทั่วไป เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ดิจิตอล วีดิโอ
๔.
สื่อทางสัมผัส
ได้แก่ วัตถุของจริง แบบจำลองในการทำงาน เช่น ผู้แสดงสถานการณ์จำลอง
ข้อดีและข้อเสียของสื่อบางประเภท
ในการเลือกสื่อที่มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับภาระงานการเรียนรู้ที่มีความเฉพาะเจาะจงผู้ออกแบบต้องรู้ถึงความเป็นไปได้ในข้อดีและข้อเสียที่เกี่ยวข้องกับสื่อแต่ละประเภท
การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการ
การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการและสื่อ
บางครั้งเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ในบางเวลาจะเลือกวิธีการก่อน
และเลือกสื่อที่จำเป็นในการใช้ทีหลัง ดูแกน เลียด
เปรียบเทียบวิธีการว่าเป็นเหมือนทางหลวง ที่นำไปสู่จุดหมายปลายทาง (จุกประสงค์)
และสื่อ (วัสดุ) เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมบนทางหลวง เช่น สัญญาณ แผนที่
ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น
วิธีการ เป็นกลยุทธ์การเรียนการสอนที่มีระดับความชี้เฉพาะมาก
เป็นวิธีการเรียนการสอนที่ตัดสินธรรมชาติของบทเรียน จอยส์และวีล
เรียกสิ่งเหล่านี้ว่าแบบจำลองสอน
แบบจำลองเป็นวิธีการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ในระดับบทเรียนมากกว่าที่จะเป็นระดับหน่วยในหลักสูตร
ตาราง ข้อดีและข้อเสียของสื่อบางประเภท
สื่อ
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
โสตวัสดุ
|
||
๑.เทป
|
·
จูงใจ
·
ใช้กับกลุ่มใหญ่ได้
·
ใช้ได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
·
สามารถก็อปปี้ได้
·
ง่ายในการเก็บรักษา
|
·
ก่อให้เกิดความเบื่อหน่าย
·
ไม่มีการให้ผลป้อนกลับ
·
ใช้เวลาในการกรอเทปกลับ
·
สามารถถูกทำลาย
เสียหายได้
·
หน่วยที่กรอเทปกลับอาจจะไม่ว่าง
|
๒.โทรทัศน์
|
·
ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง
·
เป็นระบบไปรษณีย์ที่สั้นๆ
|
·
สิ้นเปลือง
·
เครื่องมือพัง
|
ทัศนวัสดุ
|
||
๑.ภาพพลิก
|
·
ราคาถูก
·
เก็บสารสนเทศได้
·
เคลื่อนย้ายได้
·
เปลี่ยนสารสนเทศได้
·
นำเสนอบทเรียนได้
·
ไม่จำกัดว่าใช้กับคนคนเดียว
|
·
จำเป็นต้องนำเสนอด้วยการเขียนที่สวยงาม
·
จำกัดขนาด
·
สารสนเทศมากเกินไป
·
กินเวลามาก
·
ยากที่จะแสดงทัศนะ
|
๒.สิ่งที่ครูแจก
|
·
ราคาถูก
·
เป็นการอ้างอิงที่ถาวร
·
ช่วยในการทบทวน
จดจำ
·
ช่วยนักเรียนที่ไม่ได้เข้าชั้นเรียน
·
นำไปสู่พัฒนาการก้าวต่อไปของนักเรียน
|
·
กราฟฟิกสองมิติ
·
นักเรียนอาจไม่ได้รับการบังคับให้อ่าน
·
ก่อให้เกิดการเรียนรู้แบบเฉื่อยชา
·
สารสนเทศล้าสมัย
|
๓.กระดาษคำพื้นฐาน
กระดานขาวตายตัว
|
·
ให้สารสนเทศที่ลอกได้
·
เห็นได้
·
ราคาถูก
·
ให้สีหลากหลายได้
·
ยอมให้กลุ่มมีส่วนร่วมได้
·
ขั้นตอนมีเหตุมีผล
·
สามารถเปลี่ยนแปลงได้
|
·
จำกัดขนาดของปากกา
·
ชอล์กทำให้เลอะเทอะ
·
ใช้เวลามากในการเขียน
·
บางคนเขียนไม่สวย
·
สองมิติ
·
สารสนเทศไม่สัมพันธ์กัน
·
สารสนเทศขาดตอนได้โดยไม่ตั้งใจ
|
๔.กระดานขาวและกระดานดำที่ตายตัว
|
·
ให้ข้อมูลที่กว้างขวาง
·
ยอมให้เก็บข้อมูลเชิงตรรกได้
·
ยอมให้เก็บสารสนเทศที่มีเหตุผล
·
ยอมให้เขียนสารสนเทศไว้ก่อนได้
·
ซ่อนและโยงความสัมพันธ์ของสารสนเทศได้
|
·
ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
|
๕.กระดานดำที่ใช้แม่เหล็ก
|
·
เคลื่อนย้ายแบบจำลองได้
·
สร้างสารสนเทศใหม่ได้
|
·
ไม่ใช่ของจริง
·
จำกัดกลุ่มผู้มีส่วนร่วม
|
๖.การผสมผสานกระดานตายตัวต่างๆ
|
·
เหมือนข้อ ๕
|
·
ต้องการผู้สอนที่มีทักษะ
·
จัดการจัดห้องเรียน
·
นักเรียนสามารถมองได้เพียงด้านเดียว
|
๗.การสาธิต
|
·
ประหยัดเวลาและการพูด
·
ง่ายในการเฝ้าดูมากกว่าฟัง
·
เห็นของจริง
·
มาตรฐานการสาธิต
|
·
ต้องการผู้สอนที่มีทักษะ
·
นักเรียนไม่มีส่วนร่วม
·
นักเรียนอาจไม่รู้ว่าต้องสังเกตอะไร
·
นักเรียนอาจมีความเข้าใจช้าหรือไม่เข้าใจเลย
|
๘.คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
|
·
เสริมแรงบ่อยครั้ง
·
ทำให้เกิดการเรียนรู้แบบว่องไว
·
นักเรียนประสบความสำเร็จ
·
มีปฏิสัมพันธ์กับสื่ออื่นๆ
·
ผิดพลาดน้อย
|
·
ถ้าปราศจากการออกแบบก็ทำให้เกิดการเบื่อหน่าย
·
เสียค่าใช้จ่ายสูง
ทักษะที่จะใช้คีย์บอร์ดนักเรียนต้องพัฒนาเอง
·
ไม่ได้เหมาะสมกับนักเรียนทุกคน
|
โสตทัศนะ
|
||
๑.ฟิล์ม วีดิโอ
|
·
สามารถแสดงพัฒนาการของการปฏิบัติ
·
ผสมผสานทัศนะคำพูดและเสียงอื่นเข้าด้วยกัน
·
เปลี่ยนเวลาได้
·
สนุกสนาน
·
จูงใจ
|
·
นักเรียนไม่มีส่วนร่วม
·
แพง
·
โดยทั่วไปสร้างขึ้นโดยจุดประสงค์ของคนอื่น
|
สิ่งที่รับรู้ด้วยการสัมผัส
|
||
๑.ตัวจำลองสถานการณ์
|
·
อนุญาตสำหรับผู้มีทักษะของความเป็นจริง
·
ใช้สำหรับการสาธิต
·
ประโยชน์คุ้มค่า
·
แก้ไขวิธีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง
·
ยอมให้มีการวิเคราะห์
·
ยอมให้นักเรียนมีส่วนร่วม
·
ปลอดภัย
|
·
จำกัดโปรแกรม
·
ต้องการคนที่มีทักษะความสามารถสูง
·
ต้องการการนิเทศอย่างใกล้ชิด
|
๒.อินเตอร์แอคทิฟวีดิโอ
คอมพิวเตอร์
|
·
เหมือนกับ CAI
·
แบบจำลองทัศนะ/การสาธิต
·
จูงใจ
|
·
ยากที่จะสร้างกิ่งก้านสาขา
·
กรอกลับช้า
|
๓.อินเตอร์แอคทิฟดิสค
|
·
เหมือนกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
·
แบบจำลองทัศนะ/การสาธิต
·
คุณภาพในการแก้ปัญหาสูง
·
มีจำนวนมาก
|
·
ราคาสูง
·
ค่าบำรุงรักษาสูง
|
๔.ดิจิตอล วีดิโอเทคโนโลยี
|
·
การอบรม
(สื่อผสม)
·
บันทึก/เล่นป้อนกลับ
·
ยอมให้ผู้เรียนพัฒนาการฝึกหัดเกี่ยวกับอินเตอร์แอคทิฟ
วีดิโอ
·
ไม่จำกัดสาขา
·
เสียงในฟิล์มจำกัดโดยไฟล์ที่สะสมไว้
·
วีดิโอที่แสดงการเคลื่อนไหว
ยังคงเป็นตำราในการจินตนาการ
·
โสตภาพกราฟฟิกที่สะสมไว้ในดิจิตอล
|
·
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับการออกแบบมีความซับซ้อน
·
ต้องการบุคลากรที่พัฒนาทักษะในหลายสาขา
|
๕.ดีวีที
|
·
ใช้ไฟล์จากฮาร์ดดิส
·
CD- Rom
มีค่าใช้จ่ายในการผลิตถูกกว่า
|
|
ตาราง ประเภทและคุณสมบัติของสื่อการเรียนการสอน
วัสดุอุปกรณ์
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
๑.สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ
|
·
เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
·
สามารถอ่านได้ตามอัตราความสามารถ
·
เหมาะสำหรับอ้างอิงและทบทวน
·
เหมาะสำหรับการผลิตเป็นจำนวนมาก
|
·
ถ้าจะให้ได้สื่อสิ่งพิมพ์ที่ดีต้องใช้ต้นทุนที่สูง
·
บางครั้งต้องพิมพ์ใหม่เพื่อปรับปรุงข้อมูลที่ล้าสมัย
·
ผู้ไม่รู้หนังสือไม่สามารถอ่านให้เข้าใจได้
|
๒.ของจริง ของตัวอย่าง
|
·
แสดงภาพได้ตามความเป็นจริง
·
เป็นลักษณะสามมิติ
·
สัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง
๕
·
สามารารถจับต้องและพิจารณารายละเอียด
|
·
อาจเสียหายได้ง่าย
·
เก็บรักษาลำบาก
·
บางครั้งอาจลำบากในการจัดหา
·
ของบางชิ้นอาจมีขนาดใหญ่เกินไป
·
บางครั้งของอาจมีราคาแพง
|
๓.ของจำลองหุ่นจำลอง
|
·
อยู่ในลักษณะสามมิติ
·
สามารารถจับต้องและพิจารณารายละเอียด
·
สามารถแสดงหน้าที่และลักษณะองค์ประกอบ
·
ช่วยในการเรียนรู้และการปฏิบัติทักษะ
·
ผลิตได้ด้วยวัสดุท้องถิ่นที่หาง่าย
|
·
ชำรุดเสียหายได้ง่าย
·
ต้องอาศัยความชำนาญในการผลิต
·
ส่วนมากราคาจะแพง
·
ถ้าทำไม่ได้เหมือนของจริงทุกประการอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด
|
๔.วัสดุกราฟฟิก เช่น แผนภูมิ แผนภาพ
|
·
ช่วยแสดงลำดับขั้นตอนของเนื้อหา
·
สามารถจัดหาได้ง่ายจากสิ่งพิมพ์ต่างๆ
·
ผลิตได้ง่ายและสามารถผลิตได้จำนวนมาก
·
เก็บรักษาได้ง่ายด้วยวิธีผลึกภาพ
|
·
เหมาะสำหรับการเรียนในกลุ่มเล็ก
·
งานกราฟิกที่มีคุณภาพดีจำเป็นต้องใช้ช่างเทคนิคที่มีความชำนาญ
·
การใช้ภาพบางประเภท
|
๕.กระดานดำ กระดานขาว
|
·
ต้นทุนในการผลิตต่ำ
·
สามารถเขียนรายงานกราฟิกได้หลายชนิด
·
ช่วยในการสร้างความเข้าใจตามลำดับเรื่องราวเนื้อหา
|
·
ผู้สอนต้องหันหลังให้กลุ่มผู้เรียน
·
สามารถอ่านข้อความบนกระดานได้ไม่ไกลมากนัก
·
ภาพ
หัวข้อต้องถูกลบ ไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก
·
ผู้สอนต้องมีความสามารถในการเขียน
|
๖.กระดานผ้าสำลีและกระดานแม่เหล็ก
|
·
สามารถนำมาใช้ได้อีก
·
วัสดุในการผลิตหาง่ายและสามารถผลิตได้เอง
·
เหมาะสำหรับแสดงความเกี่ยวพันของลำดับเนื้อหาเป็นขั้นตอน
·
ช่วยดึงดูดความสนใจ
·
สามารถให้กลุ่มผู้เรียนร่วมใช้เพื่อสร้างความสนใจ
|
·
ไม่เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่
|
๗.การศึกษานอกสถานที่
|
·
ผู้เรียนสามารถสังเกตการณ์และมีส่วนร่วมได้ด้วยตนเอง
·
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนร่วมทำงานเป็นกลุ่ม
·
สามารถจูงใจเป็นรายบุคคลได้ดี
|
·
เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
·
จัดเฉพาะผู้เรียนกลุ่มย่อย
·
ต้องเตรียมและวางแผนโดยละเอียด
|
สื่อการสอนประเภทใช้เครื่องฉาย
๑.ประเภทเสนอภาพนิ่ง
|
||
๑.๑เครื่องฉายภาพทึบแสง
|
·
สามารถขยายภาพถ่าย
ภาพเขียน ที่มองดูขนาดใหญ่
·
เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่
·
ช่วยลดภาระในการผลิตสไลด์และแผ่นโปร่งใส
|
·
ต้องใช้เครื่องในห้องที่มืดสนิท
·
เครื่องมือขนาดใหญ่ขนย้ายลำบาก
|
๑.๒แผ่นโปร่งใส
|
·
สามารถใช้ได้ในที่ที่มีแสงสว่าง
·
เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่
·
ผู้สอนหันหน้าเข้าหาผู้เรียนได้
·
ผู้สอนสามารถเตรียมแผ่นสไลด์ไว้ได้ล่วงหน้า
|
·
ถ้าจะผลิตแผ่นโปร่งใสที่มีลักษณะพิเศษต้องลงทุนสูง
·
ผู้เรียนไม่มีบทบาทร่วมในการใช้อุปกรณ์
|
๑.๓สไลด์
|
·
เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก
·
ผลิตค่อนข้างง่าย
·
สามารถเปลี่ยนสลับรูปในการสอนได้ตามต้องการ
·
สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันสมัย
·
ใช้สะดวก
เก็บรักษาง่าย
·
ใช้ประกอบกับเครื่องบันทึกเสียง
·
สามารถใช้กับเครื่องฉายที่ใช้ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่
|
·
ต้องฉายในห้องที่มืดพอสมควรยกเว้นจะมีจอ
·
การถ่ายทำชุดสไลด์ที่ดีต้องมีการวางแผนสคริป
|
๑.๔ฟิล์มสคริป
|
·
เหมาะสำหรับการเรียนเป็นกลุ่มเล็กหรือรายบุคคล
·
ผลิตเองได้ง่าย
·
สะดวกในการใช้และเก็บรักษา
|
·
ไม่สามารถตัดต่อสลับ
·
ริมหนามเตยชำรุดได้ง่าย
|
๑.๕ไมโครฟิล์ม ไมโครฟิช
|
·
สะดวกในการเก็บรักษา
·
สามารถเก็บจำแนกประเภทได้ง่าย
·
เหมาะสำหรับการเก็บรักษาข้อมูลที่มีขนาดเล็ก
·
ขนาดเล็กหยิบได้ใช้สะดวก
|
·
ไม่สามารถอ่านข้อความได้ด้วยตาเปล่า
·
เครื่องอ่านใช้อ่านคนเดียว
·
เครื่องฉายสำหรับกลุ่มใหญ่จะราคาแพง
|
ออซูเบล
กล่าวว่ามีความแตกต่างระหว่างวิธีการสำคัญ ๒ วิธี คือ การเรียนรู้เพื่อค้นพบ
และการเรียนรู้เพื่อรับความคิด ๑. การเรียนรู้เพื่อรับความคิด คือ
การเรียนรู้จากการบรรยาย หรือการเรียนรู้จากโสตทัศนูปกรณ์ ซึ่งเสนอสารสนเทศ ๒.
การเรียนรู้เพื่อค้นพบคือ การสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนมีอิสระที่จะสำรวจ
และไม่ได้กำหนดจุดหมายปลายทางของการเรียนรู้ไว้ล่วงหน้า
การเรียนรู้เพื่อค้นพบมีองค์ประกอบทั้งการค้นพบและการับรู้ที่มากไปกว่า
การที่จะบอกแต่เพียงนักเรียนจะต้องเรียนอะไร นักเรียนจะได้รับคำแนะนำซึ่งจะนำไปสู่การค้นพบ
ออซูเบลเชื่อว่า วิธีการจะกลายเป็นสิ่งที่มีความหมาย
ผู้ออกแบบสามารถเลือกวิธีการ เช่น
การบรรยาย การใช้ห้องปฏิบัติการ การอภิปราย การอ่าน การทัศนศึกษา การจดบันทึก
การสาธิต บทเรียนสำเร็จรูป กรณีศึกษาบทบาทสมมติ การศึกษาด้วยตนเอง
และสถานการณ์จำลอง วิธีการแต่ละวิธีการเหล่านี้มีรูปแบบให้เลือกมากมาย การบรรยายอาจจะเป็นบทละคร
เป็นการเสนอด้วยโสตทัศนูปกรณ์ การอภิปรายมีหลายรูปแบบ เช่น การสนทนาถกเถียงปัญหา การประชุมโต้เถียงกัน
และการระดมพลังสมอง กรณีศึกษามีหลากหลายจารกรณีประวัติศาสตร์จนกระทั่งถึงการแก้ปัญหา
และเช่นเดียวกับบทบาทสมมติ เป็นแบบหนึ่งของสถานการณ์จำลอง
บทเรียนสำเร็จรูปต้องการคำตอบหรือการตอบสนองบ่อยๆ
และให้ข้อมูลป้อนกลับอย่างทันทีทันใด และสามารถเสนอผ่านทางหนังสือ แบบฝึกหัด
หรือคอมพิวเตอร์ แบบของโปรแกรม อาจจะเป็นเส้นตรง เส้นสาขา หรือบางกรณีเป็นคอมพิวเตอร์
แบบฝึกหัด ปฏิบัติแบบติว และแบบสถานการณ์จำลอง การสาธิตสามารถนำเสนอด้วยปฏิกิริยาสัมพันธ์และการอภิปรายศึกษาด้วยตนเอง
๓. การตัดสินใจเกี่ยวกับสื่อ
สื่อเป็นวิธีการซึ่งมีการนำเสนอสารสนเทศและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ในขณะที่สื่อเป็นคำที่ใช้อ้างอิงถึงแบบของการเรียนการสอน จึงเป็นความจำเป็นที่ต้องมีวัสดุอุปกรณ์ที่ส่งผ่านแบบการเรียนการสอนนั้น
ในทางตรรกแล้วเป็นความจำเป็นทั้งส่วนที่เป็นอุปกรณ์ และส่วนที่เป็นวัสดุ สำหรับการเรียนรู้ที่อาศัยคอมพิวเตอร์เป็นฐานเช่นเดียวกับสื่อโทรทัศน์ที่ต้องอาศัยโปรแกรมเป็นฐาน
การตัดสินใจเลือกสื่อสามารถทำได้ก่อน
ทำตามหลัง หรือทำไปพร้อมๆกับการตกลงใจเกี่ยวกับวิธีการโดยทั่วไปแล้ว
จะทำตามหลังหรือทำไปพร้อมๆกัน การบรรยายอาจจะต้องการองค์ประกอบสื่อ
หรืออาจจะอยู่ในรูปแบบของโปรแกรมโทรทัศน์
การตัดสินใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่
เทคโนโลยีใหม่
ประกอบด้วย การเรียนการสอนที่อาศัยคอมพิวเตอร์เป็นพื้นฐานและการเรียนรู้ทางไกล
ที่อาศัยเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นพื้นฐาน การเรียนรู้ทางไกลเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนอยู่ในสถานที่หนึ่งเทคโนโลยีใหม่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
การพิจารณาเลือกสื่อ
มีหลักการทั่วไปจำนวนมาก
และข้อพิจารณาอื่นๆ ในการเลือกสื่อที่เหมาะสมสำหรับการเรียนการสอน คือ
กฎในการเลือกสื่อและปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเลือกสื่อ
กฎในการเลือกสื่อ
การเลือกสื่อมีกฎอยู่
๖ ข้อ หรือเรียกว่าหลักการทั่วไปในการพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจอย่างไม่เป็นทางการในการเลือกสื่อ
กฎข้อที่
๑ การเรียนการสอนโดยทั่วไปแล้วต้องการสื่อสองทาง
นักเรียนจะเรียนจะเรียนได้ดีที่สุดเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุ/สื่อการเรียนการสอน
ครู สมุดทำงาน หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
กฎข้อที่
๒ สื่อทางเดียว ควรจะได้รับการสนับสนุน โดยสื่อที่ให้ข้อมูลป้อนกลับ ตัวอย่างคือ
ภาพยนตร์ หรือวีดิทัศน์ จะให้ประสิทธิผลมากกว่า เมื่อมีคู่มือการใช้ควบคู่ไปด้วย
กฎข้อที่
๓ กาเรียนรู้ของแต่ละบุคคล ต้องการสื่อที่มีความยืดหยุ่น ตัวอย่างคือ
ผู้ที่เรียนเช้าอาจจะต้องการสื่อการเรียนที่แตกแขนงออกไปเป็นพิเศษ เช่นการฝึกเสริม
ตัวอย่างเสริมเป็นพิเศษ สื่อภาพยนตร์ ควรจะส่งเสริมโดยการเยียวยาแก้ไขหรือมีกิจกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสามารถที่จะตอบสนองได้อย่างดีเลิศในความยืดหยุ่นที่มีต่อปัจจัยบุคคล
กฎข้อที่
๔ การนำเสนอโลกแห่งความเป็นจริง ต้องการสื่อทางทัศนะวัสดุ ตัวอย่างนักเรียนพยาบาลเรียนรู้วิธีการตัดไหม
จำเป็นต้องเห็นการสาธิต (ภาพยนตร์ วัดิทัศน์ การสาธิตของจริง) มากกว่าที่จะเขียนออกมาเป็นรายงานของวิธีการตัดไหม
กฎข้อที่
๕ พฤติกรรมที่คาดหวังหลังจากการเรียนการสอน
ควรจะให้มีการฝึกปฏิบัติในระหว่างที่มีการเรียนการสอน การได้ยิน
หรือการได้เห็นทักษะที่แสดงออกมาไม่เป็นการเพียงพอ
กฎข้อที่
๖ เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ของบทเรียนอื่นๆ
อาจต้องการการเลือกสื่อที่มีความแตกต่างกัน ตัวอย่าง ทฤษฎีที่อยู่บนหลักการของวิธีการทำหมัน
อาจจะต้องการวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นสิ่งพิมพ์ ในขณะที่วิธีการตัดไหม
อาจจะต้องการการสาธิตที่มีความเป็นจริงมากกว่า
ปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการเลือกสื่อ
ตาราง
ข้อควรพิจารณาในการเลือกสื่อ
ปัจจัย
|
ตัวอย่าง
|
๑.สิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้
|
บ้าน ที่ทำงานชั้นเดียว ม้านั่ง
|
๒.ประสิทธิผลในการลงทุน
|
ราคาต่อห้อง และราคาในการดำเนินงาน
|
๓.แหล่งวัสดุอุปกรณ์ที่มีประโยชน์เพียงพอการพัฒนาภาพยนตร์
สตูดิโอ การพิมพ์
|
วัสดุอุปกรณ์ที่มีความเหมาะสม มีระเบียบเรียบร้อย
|
๔.ความสะดวกในการใช้ตำแหน่งที่ตั้ง
|
เช่นใช้มากน้อยเท่าไร บ่อยเท่าไร
ขนาดของกลุ่ม
|
๕.สิ่งที่ไม่จำเป็น
|
สีมีความจำเป็นหรือไม่ ตำราเพียงพอหรือสไลด์ที่จะใช้ในการนำเสนอเพียงพอหรือไม่
|
๖.ทรัพยากรมนุษย์หาได้ง่ายหรือไม่
|
ผู้ชำนาญการพิเศษด้านวิธีการผลิตสื่อหาได้ง่ายหรือไม่
|
๗.นโยบาย
|
นโยบาย
เจตคติต่อต้านการเปลี่ยนแปลงข้อขัดแย้งต่างๆ
|
แบบจำลองการเลือกสื่อ
แบบจำลองการเลือกสื่อการเรียนการสอนมีหลายรูปแบบ
สำหรับการพิจารณาแต่ละแบบจะมีวิธีการเลือกสื่อที่แตกต่างกัน สิ่งที่น่าสังเกตคือ แต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร
และพิจารณาว่ามีอะไรเป็นนัยของความต่าง
แต่ละแบบจำลองพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการเลือกและการใช้ประโยชน์จากวัสดุ
แบบจำลองของวิลเลี่ยม
ออลเลน ผู้ออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการจำแนกจุดประสงค์และการจำแนกความสามารถสูงสุดของสื่อการเรียนการสอนที่จะพลิกแพลงให้เข้ากับจุดประสงค์
ออลเลนได้ตรวจสอบประสิทธิผล สื่อสำหรับวัดชนิดของการเรียนรู้ด้วยเหตุผลนี้ ออลแลนได้สร้างตารางแจกแจงสองทาง
ซึ่งจำแนกสื่อที่ให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ปานกลาง ต่ำ ตามชนิดของการเรียนรู้ เมื่อใช้แบบจำลองนี้
ผู้ออกแบบควรพยายามหลีกเลี่ยงสื่อที่ให้ผลสัมฤทธิ์ต่ำ
แบบจำลองของเยอร์ลาชและอีลี
ไดเป็นที่รู้จักกันในปี ค.ศ. ๑๙๗๑ ในตำราที่ชื่อว่าการสอนและสื่อ เยอร์ลาชและอีลีได้นำเสนอเกณฑ์
ซึ่งสามารถประยุกตร์ใช้ในการเลือกสื่อการเรียนการสอน
หลังจากที่ระบุจุดประสงค์และระบุพฤติกรรมความพร้อมที่จะรับการสอน
เกณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วย ๑. ความเหมาะสมทางปัญญา ประการทื่ ๒ ระดับของความเข้าใจ
ประการที่ ๓ ราคา ประการที่ ๔ ประโยชน์ และประการที่ ๕ คุณภาพทางเทคนิค
สรุป
สื่อการเรียนการสอนเป็นตัวกลางซึ่งมีความสำคัญในกระบวนการเรียนการสอนมีหน้าที่เป็นตัวนำความต้องการของครูไปสู่ตัวนักเรียนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว
เป็นผลให้นักเรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
สื่อการสอนจะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมหลายๆรูปแบบ
ช่วยให้ครูผู้สอนได้สอนตามจุดมุ่งหมายการเรียนการสอน และยังช่วยในการขยายเนื้อหาที่เรียนทำให้การสอนง่ายขึ้น
และยังจะช่วยประหยัดเวลาในการสอน
นักเรียนจะได้มีเวลาในการทำกิจกรรมการเรียนมากขึ้น
ในการเลือกสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อการเรียนการสอนนั้น
ผู้สอนจำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบในการเลือกสื่อได้แก่ จุดมุ่งหมายของการสอน
รูปแบบและระบบของการเรียนการสอน ลักษณะของผู้เรียน เกณฑ์เฉพาะของสื่อ วัสดุอุปกรณ์ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเภทของสื่อกับคุณสมบัติเฉพาะและจุดประสงค์ของการเรียนการสอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)