บทที่ ๖
การเลือกและการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
คำว่า สื่อ (Medium) ในที่นี้ความหมายกว้างมาก การเรียนการสอนในบางครั้งอาจเกิดขึ้นจากเสียงของผู้สอน ตำรา เทป วีดิทัศน์ ภาพยนตร์ และคอมพิวเตอร์ Medium หรือ Media มาจากภาษาละตินหมายถึง บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงกลาง หรือเครื่องมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวิธีการของการสื่อสารที่ส่งไปถึงประชาชน เป็นพาหนะของการโฆษณา ดังนั้น เมื่อพิจารณาในด้านของการสื่อสารแล้ว สื่อจึงหมายถึง สิ่งที่เป็นพาหนะนำความรู้หรือสารสนเทศจากแหล่งกำเนิดไปสู่ผู้รับ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ รูปภาพ วัสดุฉาย สิ่งพิมพ์และสิ่งดังกล่าวนี้ เมื่อนำมาใช้กับการเรียนการสอน เราเรียกว่าสื่อการเรียนการสอน
มีอยู่บ่อยครั้งที่ผู้ออกแบบจำกัดการเลือกสื่อของตนเอง เพราะว่าได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว (เช่น การพิจารณานโยบายงบประมาณ) สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานการณ์ในอุดมคติเท่านั้น การเลือกสื่อควรจะมีการกระทำหลังการที่ได้มีการวิเคราะห์เนื้อหาวิชาแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ออกแบบสามารถที่จะเลือกสื่อที่เหมาะสม เพื่อการสื่อสารเหตุการณ์ต่างๆ ในการเรียนการสอน
กลยุทธ์การสอนและการตัดสินใจเลือกสื่อ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างกัน และควรจะทำไปพร้อมกันหลังจากที่ได้มีการพัฒนาจุดประสงค์ของการเรียนการสอนแล้ว แบบจำลองในการเลือกสื่อมีทั้งแบบที่มีความเรียบง่ายและแบบที่มีความซับซ้อน โรเบิร์ต เมเจอร์ ผู้ซึ่งเป็นนักออกแบบการสอน เพื่อการค้าที่ประสบผลสำเร็จ ได้กล่าวว่า กระดาษเป็นตัวกลางอย่างหนึ่งในการเลือก นอกจากว่าในกรณีที่ดีที่จะสามารถเลือกใช้สิ่งที่ทำจากอย่างอื่น วัสดุที่เป็นกระดาษมีราคาแพงในการออกแบบและการผลิต ง่ายที่จะผลิตเพิ่มใช้ง่าย และนักเขียนส่วนใหญ่มีความเข้าใจ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างของสิ่งจำลองง่ายๆ สำหรับการเลือกสื่อ ส่วนแบบจำลองที่ซับซ้อนเป็นวิธีการที่ส่วนใหญ่ควรจะหลีกเลี่ยงเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อเปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์ของทหาร ก็คือ อย่าโง่เลย ทำให้ดูง่ายๆเถอะ
การนำเสนอสื่อการเรียนการสอน คสรเป็นการกระตุ้นทางการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ง่ายแก่การเข้าใจ สื่อที่ซับซ้อนมีแนวโน้มของการสิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่ายสูง และบ่อยครั้งพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพและเชื่อถือไม่ได้ ควรใช้สื่อการเรียนการสอนที่ถูกที่สุดที่ทำให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ตามเจตนารมณ์ภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามข้อควรจำคือ การสื่อราคที่ย่อมเยาที่ผลิตไม่ดีทำให้การเรียนการสอนไม่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการใช้สื่อ
การเลือกและการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งในกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ นักออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกวิธีการ/สื่อ หรือเลือกวิธีการ เลือกวัสดุอุปกรณ์
กระบวนการผลิตสื่อ นักออกแบบอาจะจะทำเพียงการวางแผนมโนทัศน์ สคริปและนานๆครั้งจะผลิตวัสดุสำหรับจำหน่ายความจำกัดสำหรับบทบาทของผู้ออกแบบในการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธี/สื่อ จะหลากหลายไปตามสถานการณ์ และแม้ว่าจะมีวิธีการหลากหลายในการจำแนกสื่อออกเป็นประเภท ก็ยังไม่มีอนุกรมภิธานสื่อ ที่พัฒนาขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ ในบทนี้จะเป็นการนำเสนอสื่อ ๓ ประเภท คือ วิธีการ สื่อดั้งเดิม เทคโนโลยีใหม่ภายในแต่ละประเภทจะมีทางเลือกและรูปแบบมาก เช่น กราฟฟิก และฟิล์ม หรือโทรทัศน์เฉพาะกราฟิกก็มีหลายรูปแบบได้แก่ แผนภูมิ การ์ตูน และภาพประกอบ การเลือกวิธี/สื่อ อยู่บนพื้นฐานของเกณฑ์จะมีความเหมาะสมสำหรับผู้เรียน สิ่งที่เรียนและข้อจำกัดคุณลักษณะของผู้เรียน จุดประสงค์ สถานการณ์การเรียนรู้ และข้อจำกัดนั้นต้องระบุขึ้นก่อนที่จะเลือกวิธีการและสื่อ
ผู้ออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้ตัดสินสื่อทีม ในการผลิตควรจะประกอบไปด้วยใครบ้าง ผู้ออกแบบต้องริเริ่ม เฝ้าระวังติดตามกระบวนการผลิต เป็นความรับผิดชอบของผู้ออกแบบที่จะต้องมีความแน่ใจในบูรณาภาพของการออกแบบและคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ด้วยการเฝ้าระวังติดตามการผลิต
๑. บทบาทของผู้ออกแบบ
ผู้ออกแบบมีหน้าที่หลายอย่างที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์ในระหว่างนั้นขั้นตอนการตัดสินใจในระยะนี้ผู้ออกแบบมีหน้าที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือกวิธีการ/สื่อเช่นเดียวกับตำรวจ ที่มองเห็นว่าคำแนะนำในการออกแบบการเรียนการสอนนำไปใช้ได้หรือเป็นเสมือนผู้จัดการ ผู้ซึ่งริเริ่มและประเมินผลผลิตในบทนี้จะเกี่ยวกับบทบาทของผู้ออกแบบที่มองเห็น การเลือกวิธีการ/สื่อที่มประโยชน์ เราจะเลือกสื่ออย่างไร จะรับวัสดุอุปกรณ์ทางการค้าอย่างไร และจะระวังเฝ้าติดตามกระบวนการผลิตอย่างไร
ผู้ออกแบบต้องจำกัดบทบาทในการทำหน้าที่ ต้องสามารถปฏิบัติได้แล้วเสร็จและมีประสิทธิภาพ ตั้งรับรู้การกระทำหน้าที่ในการผลิตสื่อ ผู้ถ่ายภาพ หรือผู้วางโปรแกรมที่พยายามให้ผู้อื่นเข้าใจได้ โดยลำพังตนเองนั้นไม่สามารถที่จะผลิตสื่อได้ทั้งหมดหรืออาจต้องการคำแนะนำเพิ่มจากผู้ร่วมงานในทีมมากกว่าที่จะทำคนเดียว ความรับผิดชอบที่จะเป็นคือ การตัดสินใจเลือกวิธีการ/สื่อในขณะที่สมาชิกของทีมหรือผู้นำทีมริเริ่มหรือแนะนำกระบวนการผลิต ผู้ออกแบบจะทำสิ่งนี้ได้ดีถ้ารู้จักทำหน้าที่ในลักษณะของผู้วิจัย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า รับรู้หน้าที่ในการให้คำแนะนำและจำกัดทักษะตัวอย่าง เช่น มีการพัฒนาทักษะกระบวนการกลุ่มมากขึ้น และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
๒. ประเภทของสื่อ
ผู้ออกแบบสามารถที่จะเลือกชนิดของสื่อให้มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งลิทธิพลต่อประสิทธิผลของการเรียนรู้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ถ้าผู้ออกแบบรับรู้ชนิดของสื่อที่มีอยู่ รวมทั้งข้อดีและข้อเสียด้วย ดังนั้น ผู้ออกแบบจะเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะเป็นผู้ที่รู้จักเลือกชนิดของสื่อได้อย่างเหมาะสม เราสามารถจำแนกสื่อได้ ๔ ประเภท คือ สื่อทางหู ทางตา ทางหูและตารวมกัน และสัมผัส ผู้ออกแบบสามารถเลือกสื่อที่เหมาะสมที่สุดจากประเภทของสื่อต่างๆ สำหรับภาระงานการเรียนการสอนที่มีความเฉพาะเจาะจง สื่อทั้ง ๔ ประเภทปละตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
๑. สื่อทางหู ได้แก่ เสียงของผู้ฝึก ห้องปฏิบัติการทางเสียง การเตรียมเทปสำหรับผู้ฝึกเทป แผ่นเสียง วิทยุกระจายเสียง
๒. สื่อทางตา ได้แก่ กระดานชอล์ก กระดานแม่เหล็ก กราฟ คอมพิวเตอร์ วัตถุต่างๆที่เป็นของจริง รูปภาพ แผนภูมิ กราฟภาพถ่าย หุ่นจำลอง หนังสือ หนังสือพิมพ์ สไลด์ แผ่นใส่
๓. สื่อทางหูและ ทางตา ได้แก่ เทปวีดิโอ ทีวีวงจรปิด โปรแกรมโสตทัศนวัสดุ สไลด์ เทปภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม ทีวีทั่วไป เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ดิจิตอล วีดิโอ
๔. สื่อทางสัมผัส ได้แก่ วัตถุของจริง แบบจำลองในการทำงาน เช่น ผู้แสดงสถานการณ์จำลอง
ข้อดีและข้อเสียของสื่อบางประเภท
ในการเลือกสื่อที่มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับภาระงานการเรียนรู้ที่มีความเฉพาะเจาะจงผู้ออกแบบต้องรู้ถึงความเป็นไปได้ในข้อดีและข้อเสียที่เกี่ยวข้องกับสื่อแต่ละประเภท
การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการ
การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการและสื่อ บางครั้งเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ในบางเวลาจะเลือกวิธีการก่อน และเลือกสื่อที่จำเป็นในการใช้ทีหลัง ดูแกน เลียด เปรียบเทียบวิธีการว่าเป็นเหมือนทางหลวง ที่นำไปสู่จุดหมายปลายทาง (จุกประสงค์) และสื่อ (วัสดุ) เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมบนทางหลวง เช่น สัญญาณ แผนที่ ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น
วิธีการ เป็นกลยุทธ์การเรียนการสอนที่มีระดับความชี้เฉพาะมาก เป็นวิธีการเรียนการสอนที่ตัดสินธรรมชาติของบทเรียน จอยส์และวีล เรียกสิ่งเหล่านี้ว่าแบบจำลองสอน แบบจำลองเป็นวิธีการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ในระดับบทเรียนมากกว่าที่จะเป็นระดับหน่วยในหลักสูตร
ตาราง ข้อดีและข้อเสียของสื่อบางประเภท
สื่อ
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
โสตวัสดุ
| ||
๑.เทป
|
· จูงใจ
· ใช้กับกลุ่มใหญ่ได้
· ใช้ได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
· สามารถก็อปปี้ได้
· ง่ายในการเก็บรักษา
|
· ก่อให้เกิดความเบื่อหน่าย
· ไม่มีการให้ผลป้อนกลับ
· ใช้เวลาในการกรอเทปกลับ
· สามารถถูกทำลาย เสียหายได้
· หน่วยที่กรอเทปกลับอาจจะไม่ว่าง
|
๒.โทรทัศน์
|
· ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง
· เป็นระบบไปรษณีย์ที่สั้นๆ
|
· สิ้นเปลือง
· เครื่องมือพัง
|
ทัศนวัสดุ
| ||
๑.ภาพพลิก
|
· ราคาถูก
· เก็บสารสนเทศได้
· เคลื่อนย้ายได้
· เปลี่ยนสารสนเทศได้
· นำเสนอบทเรียนได้
· ไม่จำกัดว่าใช้กับคนคนเดียว
|
· จำเป็นต้องนำเสนอด้วยการเขียนที่สวยงาม
· จำกัดขนาด
· สารสนเทศมากเกินไป
· กินเวลามาก
· ยากที่จะแสดงทัศนะ
|
๒.สิ่งที่ครูแจก
|
· ราคาถูก
· เป็นการอ้างอิงที่ถาวร
· ช่วยในการทบทวน จดจำ
· ช่วยนักเรียนที่ไม่ได้เข้าชั้นเรียน
· นำไปสู่พัฒนาการก้าวต่อไปของนักเรียน
|
· กราฟฟิกสองมิติ
· นักเรียนอาจไม่ได้รับการบังคับให้อ่าน
· ก่อให้เกิดการเรียนรู้แบบเฉื่อยชา
· สารสนเทศล้าสมัย
|
๓.กระดาษคำพื้นฐาน
กระดานขาวตายตัว
|
· ให้สารสนเทศที่ลอกได้
· เห็นได้
· ราคาถูก
· ให้สีหลากหลายได้
· ยอมให้กลุ่มมีส่วนร่วมได้
· ขั้นตอนมีเหตุมีผล
· สามารถเปลี่ยนแปลงได้
|
· จำกัดขนาดของปากกา
· ชอล์กทำให้เลอะเทอะ
· ใช้เวลามากในการเขียน
· บางคนเขียนไม่สวย
· สองมิติ
· สารสนเทศไม่สัมพันธ์กัน
· สารสนเทศขาดตอนได้โดยไม่ตั้งใจ
|
๔.กระดานขาวและกระดานดำที่ตายตัว
|
· ให้ข้อมูลที่กว้างขวาง
· ยอมให้เก็บข้อมูลเชิงตรรกได้
· ยอมให้เก็บสารสนเทศที่มีเหตุผล
· ยอมให้เขียนสารสนเทศไว้ก่อนได้
· ซ่อนและโยงความสัมพันธ์ของสารสนเทศได้
|
· ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
|
๕.กระดานดำที่ใช้แม่เหล็ก
|
· เคลื่อนย้ายแบบจำลองได้
· สร้างสารสนเทศใหม่ได้
|
· ไม่ใช่ของจริง
· จำกัดกลุ่มผู้มีส่วนร่วม
|
๖.การผสมผสานกระดานตายตัวต่างๆ
|
· เหมือนข้อ ๕
|
· ต้องการผู้สอนที่มีทักษะ
· จัดการจัดห้องเรียน
· นักเรียนสามารถมองได้เพียงด้านเดียว
|
๗.การสาธิต
|
· ประหยัดเวลาและการพูด
· ง่ายในการเฝ้าดูมากกว่าฟัง
· เห็นของจริง
· มาตรฐานการสาธิต
|
· ต้องการผู้สอนที่มีทักษะ
· นักเรียนไม่มีส่วนร่วม
· นักเรียนอาจไม่รู้ว่าต้องสังเกตอะไร
· นักเรียนอาจมีความเข้าใจช้าหรือไม่เข้าใจเลย
|
๘.คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
|
· เสริมแรงบ่อยครั้ง
· ทำให้เกิดการเรียนรู้แบบว่องไว
· นักเรียนประสบความสำเร็จ
· มีปฏิสัมพันธ์กับสื่ออื่นๆ
· ผิดพลาดน้อย
|
· ถ้าปราศจากการออกแบบก็ทำให้เกิดการเบื่อหน่าย
· เสียค่าใช้จ่ายสูง ทักษะที่จะใช้คีย์บอร์ดนักเรียนต้องพัฒนาเอง
· ไม่ได้เหมาะสมกับนักเรียนทุกคน
|
โสตทัศนะ
| ||
๑.ฟิล์ม วีดิโอ
|
· สามารถแสดงพัฒนาการของการปฏิบัติ
· ผสมผสานทัศนะคำพูดและเสียงอื่นเข้าด้วยกัน
· เปลี่ยนเวลาได้
· สนุกสนาน
· จูงใจ
|
· นักเรียนไม่มีส่วนร่วม
· แพง
· โดยทั่วไปสร้างขึ้นโดยจุดประสงค์ของคนอื่น
|
สิ่งที่รับรู้ด้วยการสัมผัส
| ||
๑.ตัวจำลองสถานการณ์
|
· อนุญาตสำหรับผู้มีทักษะของความเป็นจริง
· ใช้สำหรับการสาธิต
· ประโยชน์คุ้มค่า
· แก้ไขวิธีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง
· ยอมให้มีการวิเคราะห์
· ยอมให้นักเรียนมีส่วนร่วม
· ปลอดภัย
|
· จำกัดโปรแกรม
· ต้องการคนที่มีทักษะความสามารถสูง
· ต้องการการนิเทศอย่างใกล้ชิด
|
๒.อินเตอร์แอคทิฟวีดิโอ
คอมพิวเตอร์
|
· เหมือนกับ CAI
· แบบจำลองทัศนะ/การสาธิต
· จูงใจ
|
· ยากที่จะสร้างกิ่งก้านสาขา
· กรอกลับช้า
|
๓.อินเตอร์แอคทิฟดิสค
|
· เหมือนกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
· แบบจำลองทัศนะ/การสาธิต
· คุณภาพในการแก้ปัญหาสูง
· มีจำนวนมาก
|
· ราคาสูง
· ค่าบำรุงรักษาสูง
|
๔.ดิจิตอล วีดิโอเทคโนโลยี
|
· การอบรม (สื่อผสม)
· บันทึก/เล่นป้อนกลับ
· ยอมให้ผู้เรียนพัฒนาการฝึกหัดเกี่ยวกับอินเตอร์แอคทิฟ วีดิโอ
· ไม่จำกัดสาขา
· เสียงในฟิล์มจำกัดโดยไฟล์ที่สะสมไว้
· วีดิโอที่แสดงการเคลื่อนไหว ยังคงเป็นตำราในการจินตนาการ
· โสตภาพกราฟฟิกที่สะสมไว้ในดิจิตอล
|
· ข้อถกเถียงเกี่ยวกับการออกแบบมีความซับซ้อน
· ต้องการบุคลากรที่พัฒนาทักษะในหลายสาขา
|
๕.ดีวีที
|
· ใช้ไฟล์จากฮาร์ดดิส
· CD- Rom มีค่าใช้จ่ายในการผลิตถูกกว่า
|
ตาราง ประเภทและคุณสมบัติของสื่อการเรียนการสอน
วัสดุอุปกรณ์
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
๑.สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ
|
· เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
· สามารถอ่านได้ตามอัตราความสามารถ
· เหมาะสำหรับอ้างอิงและทบทวน
· เหมาะสำหรับการผลิตเป็นจำนวนมาก
|
· ถ้าจะให้ได้สื่อสิ่งพิมพ์ที่ดีต้องใช้ต้นทุนที่สูง
· บางครั้งต้องพิมพ์ใหม่เพื่อปรับปรุงข้อมูลที่ล้าสมัย
· ผู้ไม่รู้หนังสือไม่สามารถอ่านให้เข้าใจได้
|
๒.ของจริง ของตัวอย่าง
|
· แสดงภาพได้ตามความเป็นจริง
· เป็นลักษณะสามมิติ
· สัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง ๕
· สามารารถจับต้องและพิจารณารายละเอียด
|
· อาจเสียหายได้ง่าย
· เก็บรักษาลำบาก
· บางครั้งอาจลำบากในการจัดหา
· ของบางชิ้นอาจมีขนาดใหญ่เกินไป
· บางครั้งของอาจมีราคาแพง
|
๓.ของจำลองหุ่นจำลอง
|
· อยู่ในลักษณะสามมิติ
· สามารารถจับต้องและพิจารณารายละเอียด
· สามารถแสดงหน้าที่และลักษณะองค์ประกอบ
· ช่วยในการเรียนรู้และการปฏิบัติทักษะ
· ผลิตได้ด้วยวัสดุท้องถิ่นที่หาง่าย
|
· ชำรุดเสียหายได้ง่าย
· ต้องอาศัยความชำนาญในการผลิต
· ส่วนมากราคาจะแพง
· ถ้าทำไม่ได้เหมือนของจริงทุกประการอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด
|
๔.วัสดุกราฟฟิก เช่น แผนภูมิ แผนภาพ
|
· ช่วยแสดงลำดับขั้นตอนของเนื้อหา
· สามารถจัดหาได้ง่ายจากสิ่งพิมพ์ต่างๆ
· ผลิตได้ง่ายและสามารถผลิตได้จำนวนมาก
· เก็บรักษาได้ง่ายด้วยวิธีผลึกภาพ
|
· เหมาะสำหรับการเรียนในกลุ่มเล็ก
· งานกราฟิกที่มีคุณภาพดีจำเป็นต้องใช้ช่างเทคนิคที่มีความชำนาญ
· การใช้ภาพบางประเภท
|
๕.กระดานดำ กระดานขาว
|
· ต้นทุนในการผลิตต่ำ
· สามารถเขียนรายงานกราฟิกได้หลายชนิด
· ช่วยในการสร้างความเข้าใจตามลำดับเรื่องราวเนื้อหา
|
· ผู้สอนต้องหันหลังให้กลุ่มผู้เรียน
· สามารถอ่านข้อความบนกระดานได้ไม่ไกลมากนัก
· ภาพ หัวข้อต้องถูกลบ ไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก
· ผู้สอนต้องมีความสามารถในการเขียน
|
๖.กระดานผ้าสำลีและกระดานแม่เหล็ก
|
· สามารถนำมาใช้ได้อีก
· วัสดุในการผลิตหาง่ายและสามารถผลิตได้เอง
· เหมาะสำหรับแสดงความเกี่ยวพันของลำดับเนื้อหาเป็นขั้นตอน
· ช่วยดึงดูดความสนใจ
· สามารถให้กลุ่มผู้เรียนร่วมใช้เพื่อสร้างความสนใจ
|
· ไม่เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่
|
๗.การศึกษานอกสถานที่
|
· ผู้เรียนสามารถสังเกตการณ์และมีส่วนร่วมได้ด้วยตนเอง
· เปิดโอกาสให้ผู้เรียนร่วมทำงานเป็นกลุ่ม
· สามารถจูงใจเป็นรายบุคคลได้ดี
|
· เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
· จัดเฉพาะผู้เรียนกลุ่มย่อย
· ต้องเตรียมและวางแผนโดยละเอียด
|
สื่อการสอนประเภทใช้เครื่องฉาย
๑.ประเภทเสนอภาพนิ่ง
| ||
๑.๑เครื่องฉายภาพทึบแสง
|
· สามารถขยายภาพถ่าย ภาพเขียน ที่มองดูขนาดใหญ่
· เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่
· ช่วยลดภาระในการผลิตสไลด์และแผ่นโปร่งใส
|
· ต้องใช้เครื่องในห้องที่มืดสนิท
· เครื่องมือขนาดใหญ่ขนย้ายลำบาก
|
๑.๒แผ่นโปร่งใส
|
· สามารถใช้ได้ในที่ที่มีแสงสว่าง
· เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่
· ผู้สอนหันหน้าเข้าหาผู้เรียนได้
· ผู้สอนสามารถเตรียมแผ่นสไลด์ไว้ได้ล่วงหน้า
|
· ถ้าจะผลิตแผ่นโปร่งใสที่มีลักษณะพิเศษต้องลงทุนสูง
· ผู้เรียนไม่มีบทบาทร่วมในการใช้อุปกรณ์
|
๑.๓สไลด์
|
· เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก
· ผลิตค่อนข้างง่าย
· สามารถเปลี่ยนสลับรูปในการสอนได้ตามต้องการ
· สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันสมัย
· ใช้สะดวก เก็บรักษาง่าย
· ใช้ประกอบกับเครื่องบันทึกเสียง
· สามารถใช้กับเครื่องฉายที่ใช้ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่
|
· ต้องฉายในห้องที่มืดพอสมควรยกเว้นจะมีจอ
· การถ่ายทำชุดสไลด์ที่ดีต้องมีการวางแผนสคริป
|
๑.๔ฟิล์มสคริป
|
· เหมาะสำหรับการเรียนเป็นกลุ่มเล็กหรือรายบุคคล
· ผลิตเองได้ง่าย
· สะดวกในการใช้และเก็บรักษา
|
· ไม่สามารถตัดต่อสลับ
· ริมหนามเตยชำรุดได้ง่าย
|
๑.๕ไมโครฟิล์ม ไมโครฟิช
|
· สะดวกในการเก็บรักษา
· สามารถเก็บจำแนกประเภทได้ง่าย
· เหมาะสำหรับการเก็บรักษาข้อมูลที่มีขนาดเล็ก
· ขนาดเล็กหยิบได้ใช้สะดวก
|
· ไม่สามารถอ่านข้อความได้ด้วยตาเปล่า
· เครื่องอ่านใช้อ่านคนเดียว
· เครื่องฉายสำหรับกลุ่มใหญ่จะราคาแพง
|
ออซูเบล กล่าวว่ามีความแตกต่างระหว่างวิธีการสำคัญ ๒ วิธี คือ การเรียนรู้เพื่อค้นพบ และการเรียนรู้เพื่อรับความคิด ๑. การเรียนรู้เพื่อรับความคิด คือ การเรียนรู้จากการบรรยาย หรือการเรียนรู้จากโสตทัศนูปกรณ์ ซึ่งเสนอสารสนเทศ ๒. การเรียนรู้เพื่อค้นพบคือ การสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนมีอิสระที่จะสำรวจ และไม่ได้กำหนดจุดหมายปลายทางของการเรียนรู้ไว้ล่วงหน้า การเรียนรู้เพื่อค้นพบมีองค์ประกอบทั้งการค้นพบและการับรู้ที่มากไปกว่า การที่จะบอกแต่เพียงนักเรียนจะต้องเรียนอะไร นักเรียนจะได้รับคำแนะนำซึ่งจะนำไปสู่การค้นพบ ออซูเบลเชื่อว่า วิธีการจะกลายเป็นสิ่งที่มีความหมาย
ผู้ออกแบบสามารถเลือกวิธีการ เช่น การบรรยาย การใช้ห้องปฏิบัติการ การอภิปราย การอ่าน การทัศนศึกษา การจดบันทึก การสาธิต บทเรียนสำเร็จรูป กรณีศึกษาบทบาทสมมติ การศึกษาด้วยตนเอง และสถานการณ์จำลอง วิธีการแต่ละวิธีการเหล่านี้มีรูปแบบให้เลือกมากมาย การบรรยายอาจจะเป็นบทละคร เป็นการเสนอด้วยโสตทัศนูปกรณ์ การอภิปรายมีหลายรูปแบบ เช่น การสนทนาถกเถียงปัญหา การประชุมโต้เถียงกัน และการระดมพลังสมอง กรณีศึกษามีหลากหลายจารกรณีประวัติศาสตร์จนกระทั่งถึงการแก้ปัญหา และเช่นเดียวกับบทบาทสมมติ เป็นแบบหนึ่งของสถานการณ์จำลอง
บทเรียนสำเร็จรูปต้องการคำตอบหรือการตอบสนองบ่อยๆ และให้ข้อมูลป้อนกลับอย่างทันทีทันใด และสามารถเสนอผ่านทางหนังสือ แบบฝึกหัด หรือคอมพิวเตอร์ แบบของโปรแกรม อาจจะเป็นเส้นตรง เส้นสาขา หรือบางกรณีเป็นคอมพิวเตอร์ แบบฝึกหัด ปฏิบัติแบบติว และแบบสถานการณ์จำลอง การสาธิตสามารถนำเสนอด้วยปฏิกิริยาสัมพันธ์และการอภิปรายศึกษาด้วยตนเอง
๓. การตัดสินใจเกี่ยวกับสื่อ
สื่อเป็นวิธีการซึ่งมีการนำเสนอสารสนเทศและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในขณะที่สื่อเป็นคำที่ใช้อ้างอิงถึงแบบของการเรียนการสอน จึงเป็นความจำเป็นที่ต้องมีวัสดุอุปกรณ์ที่ส่งผ่านแบบการเรียนการสอนนั้น ในทางตรรกแล้วเป็นความจำเป็นทั้งส่วนที่เป็นอุปกรณ์ และส่วนที่เป็นวัสดุ สำหรับการเรียนรู้ที่อาศัยคอมพิวเตอร์เป็นฐานเช่นเดียวกับสื่อโทรทัศน์ที่ต้องอาศัยโปรแกรมเป็นฐาน
การตัดสินใจเลือกสื่อสามารถทำได้ก่อน ทำตามหลัง หรือทำไปพร้อมๆกับการตกลงใจเกี่ยวกับวิธีการโดยทั่วไปแล้ว จะทำตามหลังหรือทำไปพร้อมๆกัน การบรรยายอาจจะต้องการองค์ประกอบสื่อ หรืออาจจะอยู่ในรูปแบบของโปรแกรมโทรทัศน์
การตัดสินใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่
เทคโนโลยีใหม่ ประกอบด้วย การเรียนการสอนที่อาศัยคอมพิวเตอร์เป็นพื้นฐานและการเรียนรู้ทางไกล ที่อาศัยเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นพื้นฐาน การเรียนรู้ทางไกลเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนอยู่ในสถานที่หนึ่งเทคโนโลยีใหม่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
การพิจารณาเลือกสื่อ
มีหลักการทั่วไปจำนวนมาก และข้อพิจารณาอื่นๆ ในการเลือกสื่อที่เหมาะสมสำหรับการเรียนการสอน คือ กฎในการเลือกสื่อและปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเลือกสื่อ
กฎในการเลือกสื่อ
การเลือกสื่อมีกฎอยู่ ๖ ข้อ หรือเรียกว่าหลักการทั่วไปในการพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจอย่างไม่เป็นทางการในการเลือกสื่อ
กฎข้อที่ ๑ การเรียนการสอนโดยทั่วไปแล้วต้องการสื่อสองทาง นักเรียนจะเรียนจะเรียนได้ดีที่สุดเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุ/สื่อการเรียนการสอน ครู สมุดทำงาน หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
กฎข้อที่ ๒ สื่อทางเดียว ควรจะได้รับการสนับสนุน โดยสื่อที่ให้ข้อมูลป้อนกลับ ตัวอย่างคือ ภาพยนตร์ หรือวีดิทัศน์ จะให้ประสิทธิผลมากกว่า เมื่อมีคู่มือการใช้ควบคู่ไปด้วย
กฎข้อที่ ๓ กาเรียนรู้ของแต่ละบุคคล ต้องการสื่อที่มีความยืดหยุ่น ตัวอย่างคือ ผู้ที่เรียนเช้าอาจจะต้องการสื่อการเรียนที่แตกแขนงออกไปเป็นพิเศษ เช่นการฝึกเสริม ตัวอย่างเสริมเป็นพิเศษ สื่อภาพยนตร์ ควรจะส่งเสริมโดยการเยียวยาแก้ไขหรือมีกิจกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสามารถที่จะตอบสนองได้อย่างดีเลิศในความยืดหยุ่นที่มีต่อปัจจัยบุคคล
กฎข้อที่ ๔ การนำเสนอโลกแห่งความเป็นจริง ต้องการสื่อทางทัศนะวัสดุ ตัวอย่างนักเรียนพยาบาลเรียนรู้วิธีการตัดไหม จำเป็นต้องเห็นการสาธิต (ภาพยนตร์ วัดิทัศน์ การสาธิตของจริง) มากกว่าที่จะเขียนออกมาเป็นรายงานของวิธีการตัดไหม
กฎข้อที่ ๕ พฤติกรรมที่คาดหวังหลังจากการเรียนการสอน ควรจะให้มีการฝึกปฏิบัติในระหว่างที่มีการเรียนการสอน การได้ยิน หรือการได้เห็นทักษะที่แสดงออกมาไม่เป็นการเพียงพอ
กฎข้อที่ ๖ เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ของบทเรียนอื่นๆ อาจต้องการการเลือกสื่อที่มีความแตกต่างกัน ตัวอย่าง ทฤษฎีที่อยู่บนหลักการของวิธีการทำหมัน อาจจะต้องการวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นสิ่งพิมพ์ ในขณะที่วิธีการตัดไหม อาจจะต้องการการสาธิตที่มีความเป็นจริงมากกว่า
ปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการเลือกสื่อ
ตาราง ข้อควรพิจารณาในการเลือกสื่อ
ปัจจัย
|
ตัวอย่าง
|
๑.สิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้
|
บ้าน ที่ทำงานชั้นเดียว ม้านั่ง
|
๒.ประสิทธิผลในการลงทุน
|
ราคาต่อห้อง และราคาในการดำเนินงาน
|
๓.แหล่งวัสดุอุปกรณ์ที่มีประโยชน์เพียงพอการพัฒนาภาพยนตร์ สตูดิโอ การพิมพ์
|
วัสดุอุปกรณ์ที่มีความเหมาะสม มีระเบียบเรียบร้อย
|
๔.ความสะดวกในการใช้ตำแหน่งที่ตั้ง
|
เช่นใช้มากน้อยเท่าไร บ่อยเท่าไร ขนาดของกลุ่ม
|
๕.สิ่งที่ไม่จำเป็น
|
สีมีความจำเป็นหรือไม่ ตำราเพียงพอหรือสไลด์ที่จะใช้ในการนำเสนอเพียงพอหรือไม่
|
๖.ทรัพยากรมนุษย์หาได้ง่ายหรือไม่
|
ผู้ชำนาญการพิเศษด้านวิธีการผลิตสื่อหาได้ง่ายหรือไม่
|
๗.นโยบาย
|
นโยบาย เจตคติต่อต้านการเปลี่ยนแปลงข้อขัดแย้งต่างๆ
|
แบบจำลองการเลือกสื่อ
แบบจำลองการเลือกสื่อการเรียนการสอนมีหลายรูปแบบ สำหรับการพิจารณาแต่ละแบบจะมีวิธีการเลือกสื่อที่แตกต่างกัน สิ่งที่น่าสังเกตคือ แต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร และพิจารณาว่ามีอะไรเป็นนัยของความต่าง แต่ละแบบจำลองพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการเลือกและการใช้ประโยชน์จากวัสดุ
แบบจำลองของวิลเลี่ยม ออลเลน ผู้ออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการจำแนกจุดประสงค์และการจำแนกความสามารถสูงสุดของสื่อการเรียนการสอนที่จะพลิกแพลงให้เข้ากับจุดประสงค์ ออลเลนได้ตรวจสอบประสิทธิผล สื่อสำหรับวัดชนิดของการเรียนรู้ด้วยเหตุผลนี้ ออลแลนได้สร้างตารางแจกแจงสองทาง ซึ่งจำแนกสื่อที่ให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ปานกลาง ต่ำ ตามชนิดของการเรียนรู้ เมื่อใช้แบบจำลองนี้ ผู้ออกแบบควรพยายามหลีกเลี่ยงสื่อที่ให้ผลสัมฤทธิ์ต่ำ
แบบจำลองของเยอร์ลาชและอีลี ไดเป็นที่รู้จักกันในปี ค.ศ. ๑๙๗๑ ในตำราที่ชื่อว่าการสอนและสื่อ เยอร์ลาชและอีลีได้นำเสนอเกณฑ์ ซึ่งสามารถประยุกตร์ใช้ในการเลือกสื่อการเรียนการสอน หลังจากที่ระบุจุดประสงค์และระบุพฤติกรรมความพร้อมที่จะรับการสอน เกณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วย ๑. ความเหมาะสมทางปัญญา ประการทื่ ๒ ระดับของความเข้าใจ ประการที่ ๓ ราคา ประการที่ ๔ ประโยชน์ และประการที่ ๕ คุณภาพทางเทคนิค
สรุป
สื่อการเรียนการสอนเป็นตัวกลางซึ่งมีความสำคัญในกระบวนการเรียนการสอนมีหน้าที่เป็นตัวนำความต้องการของครูไปสู่ตัวนักเรียนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว เป็นผลให้นักเรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม สื่อการสอนจะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมหลายๆรูปแบบ ช่วยให้ครูผู้สอนได้สอนตามจุดมุ่งหมายการเรียนการสอน และยังช่วยในการขยายเนื้อหาที่เรียนทำให้การสอนง่ายขึ้น และยังจะช่วยประหยัดเวลาในการสอน นักเรียนจะได้มีเวลาในการทำกิจกรรมการเรียนมากขึ้น ในการเลือกสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อการเรียนการสอนนั้น ผู้สอนจำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบในการเลือกสื่อได้แก่ จุดมุ่งหมายของการสอน รูปแบบและระบบของการเรียนการสอน ลักษณะของผู้เรียน เกณฑ์เฉพาะของสื่อ วัสดุอุปกรณ์ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเภทของสื่อกับคุณสมบัติเฉพาะและจุดประสงค์ของการเรียนการสอน
เพิ่มเติม : การเลือกสื่อการสอน
เพิ่มเติม : การเลือกสื่อการสอน
สื่อการสอนมีอยู่หลากหลายรูปแบบหลากหลายประเภท การเลือกสื่อการสอนมีความสำคัญมากต่อกระบวนการเรียนการสอน อย่างไรก็ตามในการเลือกสื่อการสอนพึงระลึกไว้เสมอว่า “ไม่มีสื่อการสอนอันใดที่ใช้ได้ดีที่สุดในทุกสถานการณ์” ในการตัดสินใจเลือกใช้สื่อการสอนต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายๆ อย่างร่วมกัน ผู้ใช้สื่อไม่ควรยกเอาความสะดวก ความถนัด หรือความพอใจส่วนตัวเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกสื่อการสอนเพราะอาจเกิดผลเสียต่อกระบวนการเรียนการสอนได้ แนวคิดเกี่ยวกับการเลือกสื่อการสอนก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีผู้ให้ความสนใจและให้คำแนะนำไว้หลากหลายมุมมอง ในที่นี้จะนำเสนอเฉพาะแนวคิดของโรมิสซอว์สกี้ และแนวคิดของเคมพ์และสเมลไล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
แนวคิดการเลือกสื่อการสอนของโรมิสซอว์สกี้
J. Romiszowski (1999) ได้เสนอแนวทางอย่างง่ายในการพิจารณาเลือกใช้สื่อการสอนไว้ว่า ในการเลือกสื่อการสอนนั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อการเลือกสื่อที่จำเป็นต้องนำมาพิจารณา ปัจจัยเหล่านั้น ได้แก่
- วิธีการสอน (Instructional Method) การเลือกวิธีการสอนเป็นปัจจัยแรกที่ควบคุมการเลือกสื่อ หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นสิ่งที่จำกัดทางเลือกของการใช้สื่อการสอนในการนำเสนอ เช่น ถ้าเลือกใช้วิธีการสอนแบบอภิปรายกลุ่ม (Group Discussion) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกันระหว่าง
- งานการเรียนรู้ (Learning Task) สิ่งที่มีอิทธิพลต่อทางเลือกในการเลือกสื่อการสอนอีกประการหนึ่งคือ งานการเรียนรู้สำหรับผู้เรียน เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่จำกัดหรือควบคุมการเลือกวิธีการสอน ตัวอย่างเช่น การฝึกอบรมผู้ตรวจการ หรือทักษะการบริหารงาน
- ลักษณะของผู้เรียน (Learner Characteristics) ลักษณะพิเศษเฉพาะของผู้เรียนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลโดยตรงต่อการเลือกสื่อการสอน ตัวอย่างเช่น การสอนผู้เรียนที่เรียนรู้ได้ช้า โดยการใช้หนังสือหรือเอกสารเป็นสื่อการสอน จะเป็นสิ่งที่ยิ่งทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาในกระบวนการเรียนการสอน ผู้เรียนกลุ่มนี้ควรเรียนรู้จากสื่ออื่นๆ ที่ทำการรับรู้และเรียนรู้ได้ง่ายกว่านั้น
- ข้อจำกัดในทางปฏิบัติ (Practical Constrain) ข้อจำกัดในทางปฏิบัติในที่นี้หมายถึง ข้อจำกัดทั้งทางด้านการจัดการ และทางด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทางเลือกในการเลือกใช้วิธีการสอนและสื่อการสอน เช่น สถานที่ใช้สื่อการสอน สิ่งอำนวยความสะดวก ขนาดพื้นที่ งบประมาณ เป็นต้น
- ผู้สอนหรือครู (Teacher) สื่อการสอนแต่ละชนิดไม่ว่าจะมีข้อดีอย่างไร แต่อาจไม่ถูกนำไปใช้เพียงเพราะผู้สอนไม่มีทักษะในการใช้สื่อนั้นๆ นอกจากประเด็นในเรื่องทักษะของผู้สอนแล้ว ประเด็นในเรื่องทัศนคติของผู้สอนก็เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการเลือกสื่อการสอนเช่นกันแนวคิดการเลือกสื่อการสอนของเคมพ์และสเมลไล
Jerrold E. Kemp และ Don C. Smelle (1989) เสนอว่า นอกจากงานการเรียนรู้หรือสถานการณ์การเรียนรู้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดถึงสื่อที่จะเลือกใช้แล้ว สิ่งสำคัญประการต่อมาในการพิจารณาเลือกใช้สื่อการสอนคือ คุณลักษณะของสื่อ ซึ่งผู้สอนควรศึกษาคุณลักษณะของสื่อแต่ละชนิดประกอบในการเลือกสื่อการสอนด้วย คุณลักษณะของสื่อ (Media Attributes) หมายถึง ศักยภาพของสื่อในการแสดงออกซึ่งลักษณะต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหว สี และเสียง เป็นต้น
คุณลักษณะของสื่อที่สำคัญ ได้แก่
- การแสดงแทนด้วยภาพ (เช่น ภาพถ่าย ภาพกราฟิก)
- ปัจจัยทางด้านขนาด (เช่น การใช้/ไม่ใช้เครื่องฉายเพื่อขยายขนาด)
- ปัจจัยทางด้านสี (เช่น สีสันต่างๆ ขาว-ดำ)
- ปัจจัยทางด้านการเคลื่อนไหว (เช่น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว)
- ปัจจัยทางด้านภาษา (เช่น ข้อความ/ตัวอักษร เสียงพูด)
- ความสัมพันธ์ของภาพและเสียง (เช่น ภาพที่มี/ไม่มีเสียงประกอบ)
- ปัจจัยทางด้านการจัดระเบียบข้อมูล (กำหนดให้ดูทีละภาพตามลำดับ หรือตามลำดับที่ผู้ชมเลือก)
1. หลักการเลือกสื่อ
- เลือกสื่อการสอนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้
ผู้สอนควรศึกษาถึงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่หลักสูตรกำหนดไว้ วัตถุประสงค์ในที่นี้หมายถึงวัตถุประสงค์เฉพาะในแต่ละส่วนของเนื้อหาย่อย ไม่ใช่วัตถุประสงค์ในภาพรวมของหลักสูตร
- เลือกสื่อการสอนที่ตรงกับลักษณะของเนื้อหาของบทเรียน
เนื้อหาของบทเรียนอาจมีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น เป็นข้อความ เป็นแนวคิด เป็นภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว เป็นเสียง เป็นสี ซึ่งการเลือกสื่อการสอนควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะของเนื้อหา
- เลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน
ลักษณะเฉพาะตัวต่างๆ ของผู้เรียนเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้สื่อการสอน ในการเลือกสื่อการสอนต้องพิจารณาลักษณะต่างๆ ของผู้เรียน เช่น อายุ เพศ ความถนัด ความสนใจ ระดับสติปัญญา วัฒนธรรม และประสบการณ์เดิม ตัวอย่างเช่น การสอนผู้เรียนที่เป็นนักเรียนระดับประถมศึกษาควรใช้เป็นภาพการ์ตูนมีสีสันสดใส
- เลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับจำนวนของผู้เรียน และกิจกรรมการเรียนการสอน
ในการสอนแต่ละครั้งจำนวนของผู้เรียนและกิจกรรมที่ใช้ในการเรียนสอน ในห้องก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาควบคู่กันในการใช้สื่อการสอน เช่น การสอนผู้เรียนจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการสอนแบบบรรยาย ซึ่งสื่อการสอนที่นำมาใช้อาจเป็นเครื่องฉายต่าง ๆ และเครื่องเสียง เพื่อให้ผู้เรียนมองเห็นและได้ยินอย่างทั่วถึง ส่วนการสอนผู้เรียนเป็นรายบุคคล อาจเลือกใช้วิธีการสอนแบบค้นคว้า สื่อการสอนอาจเป็นหนังสือบทเรียนแบบโปรแกรม หรือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น
- เลือกสื่อการสอนที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมในที่นี้อาจได้แก่ อาคาร สถานที่ ขนาดพื้นที่ แสง ไฟฟ้า เสียงรบกวน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือ บรรยากาศ สิ่งเหล่านี้ควรนำมาประกอบการพิจารณาเลือกใช้สื่อการสอน ตัวอย่างเช่นการสอนผู้เรียนจำนวนมากซึ่งควรจะใช้เครื่องฉายและเครื่องเสียง
- เลือกสื่อการสอนที่มีลักษณะน่าสนใจและดึงดูดความสนใจ
ควรเลือกใช้สื่อการสอนที่มีลักษณะน่าสนใจและดึงดูดความสนใจผู้เรียนได้ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของ เสียง สีสัน รูปทรง ขนาด ตลอดจนการออกแบบและการผลิตด้วยความประณีต สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้สื่อการสอนมีความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจของผู้เรียนได้
- เลือกสื่อการสอนที่มีวิธีการใช้งาน เก็บรักษา และบำรุงรักษา ได้สะดวก
ในประเด็นสุดท้ายของการพิจารณา ควรเลือกสื่อการสอนที่มีวิธีการใช้งานได้สะดวก ไม่ยุ่งยาก และหลังใช้งานควรเก็บรักษาได้ง่ายๆ ตลอดจนไม่ต้องใช้วิธีการบำรุงรักษาที่สลับซับซ้อนหรือมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง
2.หลักการใช้สื่อการสอน
- เตรียมตัวผู้สอน เป็นการเตรียมความพร้อมของตัวผู้สอนในการใช้สื่อการสอน โดยการทำความเข้าใจในเนื้อหาที่มีในสื่อ ขั้นตอน และวิธีการใช้สื่อ เป็นต้น
- เตรียมจัดสภาพแวดล้อม เช่น สถานที่ ห้องเรียน ห้อง Lab วัสดุอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
- เตรียมตัวผู้เรียน เพื่อให้มีความพร้อมที่จะเรียน อาจมีการทดสอบ มีการอธิบายวิธีการใช้สื่อ อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆบอกวัตถุประสงค์ แนะนำหรือให้ความคิดรวบยอดของเนื้อหาในสื่อนั้นๆ เป็นต้น
- การใช้สื่อให้เหมาะกับขั้นตอนและวิธีการตามที่ได้เตรียมไว้แล้ว และควบคุมการนำเสนอสื่อ เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น
- การติดตามผล ( Follow Up ) หลังจากการใช้สื่อการสอนแล้ว ควรมีการติดตามผลเพื่อเป็นการทดสอบว่า ผู้เรียนเข้าใจบทเรียน และเรียนรู้ จากสื่อที่นำเสนอไปนั้นอย่างถูกต้องหรือไม่ เช่น การให้ผู้เรียนตอบคำถาม อภิปราย ทำรายงาน เป็นต้น เพื่อผู้สอนจะได้ทราบจุดบกพร่อง สามารถ นำมาแก้ไขปรับปรุงสำหรับการสอนในครั้งต่อไป
3.ขั้นตอนการใช้สื่อการสอน
1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในเนื้อหาที่กำลังจะเรียนนั้น สื่อที่ใช้ในขั้นนี้จึงเป็นสื่อที่แสดงเนื้อหากว้างๆหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในครั้งก่อน ยังมิใช่สื่อที่เน้นเนื้อหาเจาะลึกอย่างแท้จริง และควรเป็นสื่อที่ง่ายต่อการนำเสนอในระยะเวลาอันสั้น เช่น ภาพ บัตรคำ เป็นต้น
2. ขั้นดำเนินการสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียน เป็นขั้นที่จะให้ความรู้ เนื้อหาอย่างละเอียดเพื่อสนองวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผู้สอนควรเลือกสื่อให้ตรงกับเนื้อหา และวิธีการสอน ต้องมีการจัดลำดับขั้นตอนการใช้สื่อให้เหมาะและสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียน การใช้สื่อในขั้นนี้จะต้องเป็นสื่อที่เสนอความรู้อย่างละเอียดถูกต้องและชัดเจนแก่ผู้เรียน เช่น สไลด์ แผนภูมิ วีดีทัศน์ เป็นต้น
3.ขั้นวิเคราะห์และฝึกปฏิบัติ เป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ตรงแก่ผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้ทดลองนำความรู้ที่เรียนมาแล้วไปใช้แก้ปัญหาในขั้นฝึกหัดโดยการลงมือฝึกปฏิบัติเองสื่อในขั้นนี้จึงเป็นสื่อที่เป็นประเด็นปัญหาให้ผู้เรียนได้ขบคิดโดยผู้เรียนเป็นผู้ใช้สื่อเองมากที่สุด เช่น ภาพ บัตรปัญหา สมุด แบบฝึกหัด เป็นต้น
4. ขั้นสรุปบทเรียน เป็นการย้ำเนื้อหาบทเรียนให้ผู้เรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ขั้นสรุปควรใช้เวลาเพียงสั้นๆ สื่อที่สรุปจึงควรครอบคลุมเนื้อหาสำคัญทั้งหมด เช่น แผนภูมิ แผ่นโปร่งใส เป็นต้น
5. ขั้นประเมินผู้เรียน เป็นการทดสอบว่าผู้เรียนเข้าใจในสิ่งที่เรียนไปถูกต้องมากน้อยเพียงใด และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ สื่อในขั้นการประเมินนี้มักจะเป็นคำถามจากเนื้อหาบทเรียนโดยอาจมีภาพประกอบด้วยก็ได้
4. ขั้นสรุปบทเรียน เป็นการย้ำเนื้อหาบทเรียนให้ผู้เรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ขั้นสรุปควรใช้เวลาเพียงสั้นๆ สื่อที่สรุปจึงควรครอบคลุมเนื้อหาสำคัญทั้งหมด เช่น แผนภูมิ แผ่นโปร่งใส เป็นต้น
5. ขั้นประเมินผู้เรียน เป็นการทดสอบว่าผู้เรียนเข้าใจในสิ่งที่เรียนไปถูกต้องมากน้อยเพียงใด และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ สื่อในขั้นการประเมินนี้มักจะเป็นคำถามจากเนื้อหาบทเรียนโดยอาจมีภาพประกอบด้วยก็ได้
4.การประเมินผลการใช้สื่อการสอน
1. ประเมินการวางแผนการใช้สื่อเพื่อดูว่าสิ่งต่างๆ ที่วางไว้สามารถดำเนินไป ตามแผนหรือไม่ หรือเป็นไปเพียงตามหลักการทฤษฎีแต่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง จึงต้องเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เพื่อการแก้ไขปรับปรุงในการวางแผนครั้งต่อไปให้การใช้สื่อการสอนเกิดความสอดคล้องและบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการใช้
2.ประเมินกระบวนการการใช้สื่อ เพื่อดูว่าการใช้สื่อในแต่ละขั้นตอนประสบปัญหาหรืออุปสรรคอย่างไรบ้าง มีสาเหตุมาจากอะไรและมีการเตรียมการป้องกันไว้หรือไม่ เช่น ผู้เรียนได้ยินเสียงของสื่ออย่างชัดเจนทั่วถึง
3.ประเมินผลที่ได้จากการใช้สื่อเป็นผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนโดยตรงว่า เมื่อเรียนแล้วผู้เรียนสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ตั้งไว้หรือไม่ และผลที่ได้นั้นเป็นไปตามเกณฑ์หรือต่ำกว่าเกณฑ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น